อยากขายของออนไลน์ต้องห้ามะลาด 3 เคล็ด(ไม่)ลับ ขายของออนไลน์
3 เคล็ด(ไม่)ลับ ขายของออนไลน์ ยังไงให้ปัง
ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีการวางแผน มีเทคนิค วิธีการต่างๆ รวมถึงการขายของออนไลน์ในปัจจุบัน หากไม่มีการวางแผน ไม่มีเทคนิค หรือวิธีการที่ดี อาจทำให้ธุรกิจ หรือของที่คุณเลือกนำมาขาย อาจจะมีความเสี่ยงสูงมาก ที่จะไปไม่รอด และสิ่งที่ควรมีในการขายของออนไลน์ เพื่อยอดขายที่ปังทะลุเป้าตามที่ต้องการ มีดังนี้
1. วางแผนการตลาด
ในการวางแผนก่อนจะทำการตลาด เราควรมีสิ่งต่างๆเหล่านี้ในแผนของเรา นั้นก็คือ
- เลือกสินค้าที่จะขาย โดยเลือกสินค้า ที่เหมาะสมกับตลาดในปัจจุบัน อาจจะทำการสำรวจตลาดเบื้องต้นว่าสิ่งไหนเป็นที่ต้องการในตลาดในปัจจุบัน
- ค้นหา Target กลุ่มลูกค้า ที่เหมาะกับสินค้าของเรา เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า ให้ตรงกับความต้องการของสินค้า
- ตั้งชื่อสินค้า ตั้งชื่อแบรนด์ของสินค้าให้เป็นที่จดจำได้ง่าย และสื่อถึงตัวสินค้าที่ขายได้ง่าย ไม่ควรใช้ชื่อเรียกที่ยาก เพราะอาจทำให้ลูกค้าลดความสนใจในตัวสินค้าลงได้
- ตั้งเป้าหมายในการขายสินค้าให้ชัดเจน อาทิเช่น มียอดขาย50ชิ้น/สัปดาห์ และหาช่องทาง วิธีการที่จะให้เป้าหมายนั้นเป็นจริง
2. เลือกช่องทางการจำหน่าย/โปรโมทสินค้า
ในปัจจุบันมีช่องทางการขายสินค้าออนไลน์อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook, Line shops, Shoppe, Lazada และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแต่ละช่องทางก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เราควรประเมินกลุ่มลูกค้าของเราว่าสามารถเข้าถึงช่องทางไหนได้ดีที่สุด และเจาะกลุ่มลูกค้าตามช่องทางต่างๆ รวมถึงทำการตลาดออนไลน์เจาะจงเฉพาะกลุ่มที่น่าสนใจให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
3. สร้างคอนเทนต์ ทำการตลาดให้น่าสนใจและเป็นที่จดจำตอบโจทย์ลูกค้า
การสร้างคอนเทนต์เป็นการสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าของเราให้กับลูกค้าได้รับรู้ ทำความรู้จักในตัวสินค้าเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ ในส่วนของการโพสต์เนื้อหาในการขายของออนไลน์นั้น เราควรโพสต์เนื้อหาที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของตัวสินค้า รวมถึงมีข้อมูลของตัวสินค้าที่ครบถ้วน เข้าใจง่าย เพราะจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาดูโพสต์ได้เยอะขึ้นและสามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆของตัวสินค้าได้อย่างครบถ้วน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าได้เลยทันที
3 ขั้นตอนในการ ขายของออนไลน์ ให้แมส!
1. สร้างแบรนด์ที่โดดเด่น และน่าจดจำ
- การสร้างเอกลักษณ์แบรนด์: เลือกธีมที่ชัดเจน เป็เอกลักษณ์ โดดเด่น รวมทั้งต้องแตกต่างจากคู่แข่ง เช่น โลโก้, สี, หรือสโลแกน ที่สามารถทำให้ผู้คนจำแบรนด์ของคุณได้ง่าย เมื่อนึกถึงสินค้านี้ ต้องนึกถึงแบรนด์คุณ
- การสร้างคอนเทนต์ ที่มีความน่าสนใจ: ทำคอนเทนต์ที่มีคุณค่า และตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้า เช่น บทความ, วิดีโอ, หรือรีวิวสินค้า ที่สามารถแชร์ และมีการพูดถึงอย่างแพร่หลาย หรือกระทั่ง สามารถกลายเป็นคอนเทนต์ไวรัลได้
2. ใช้การโฆษณา ผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ
- โฆษณาผ่าน Social Media Ads: ใช้ Facebook Ads, Instagram Ads, หรือ TikTok Ads เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งานโซเชียลมีเดีย ที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมาย สำหรับธุรกิจของคุณ
- โฆษณาผ่าน Google Ads: ใช้ Google Ads เพื่อโปรโมตสินค้าให้ปรากฏในผลการค้นหา ของ Google Search เมื่อมีคนค้นหาสินค้า หรือบริการ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
3. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
- ตอบสนอง และให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็ว: การตอบแชท หรือคอมเมนต์จากลูกค้าอย่างรวดเร็ว จะสามารถช่วยสร้างความพึงพอใจ และความไว้วางใจในแบรนด์
- โปรโมชัน และข้อเสนอพิเศษ: มอบโปรโมชันห รือส่วนลดให้กับลูกค้าที่ซื้อซ้ำ ลูกค้าที่ใช้บริการของคุณอย่างยาวนาน หรือโปรโมชันที่กระตุ้นให้ลูกค้าแนะนำแบรนด์ให้กับคนอื่น
ตัวอย่าง ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์
-
การสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น:
- เลือกชื่อแบรนด์: “FashionFix” ซึ่งสื่อถึงความทันสมัย และสไตล์ที่เหมาะกับทุกคน
- สร้างเอกลักษณ์: ใช้โลโก้ที่ทันสมัย และง่ายต่อการจดจำ พร้อมกับการเลือกใช้สีสำหรับแบรนด์ของคุณ
-
การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย:
- สร้างคอนเทนต์ใน Instagram และ Facebook: โพสต์รูปภาพสินค้าใหม่ๆ พร้อมสไตล์การใส่เสื้อผ้า หรือการจับคู่ที่น่าสนใจ ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง เช่น #แฟชั่นผู้หญิง #เสื้อผ้าราคาถูก เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
- รีวิวจากลูกค้า: สร้างคอนเทนต์รีวิวจากลูกค้าที่ใส่เสื้อผ้าจากร้าน พร้อมการให้คะแนนและคำแนะนำ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
-
ใช้การโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์:
- โฆษณาผ่าน Facebook Ads และ Instagram Ads: กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้หญิงในกลุ่มอายุ 18-30 ปีที่สนใจแฟชั่น โดยการตั้งค่าโฆษณาให้แสดงต่อกลุ่มลูกค้าที่เป็นไปตามความสนใจ
- การโปรโมทผ่าน Influencers: เลือก Influencers ที่มีผู้ติดตามตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เพื่อช่วยโปรโมตสินค้า
-
การให้บริการหลังการขาย:
- การจัดส่งที่รวดเร็ว: สัญญาว่าจะจัดส่งภายใน 3-5 วัน และให้ตัวเลือกการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอด
- การคืนสินค้า: มีกฎการคืนสินค้าในระยะเวลา 7 วัน หากสินค้าผิดขนาดหรือผิดสภาพ
หากคุณมีแผนที่ชัดเจน เลือกช่องทางที่เหมาะสม และสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูด การขายของออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ลองนำ 3 เคล็ดลับขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง และ 3 ขั้นตอนใน การขายของออนไลน์ ให้แมส! ไปปรับใช้ในการทำการตลาดของคุณ
เริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์กับมืออาชีพ เริ่มต้นกับ SME jump รับทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณ เติบโตบนโลกออนไลน์