วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ชนะคู่เเข่งในปี 2025
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ชาญฉลาด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ชนะคู่แข่งในปี 2025
ปี 2025 เป็นช่วงเวลาที่เจ้าของธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มทางการตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันในโลกดิจิทัลยังคงเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Generative AI (GenAI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างคอนเทนต์ ตอบสนองลูกค้า และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้น SME Jump เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ การวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ชาญฉลาด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
วันนี้เราจะมาค้นหาวิธีการทำตลาดออนไลน์ให้ชนะคู่แข่ง ด้วยการแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 5 ส่วนหลัก ได้แก่:
- การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์
- การปรับปรุงสินค้าและบริการให้โดดเด่น
- การใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้ GenAI ในการทำตลาดออนไลน์
- การใช้ Live Commerce เพิ่มยอดขาย
1. การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ (Branding)
การสร้างแบรนด์คือหัวใจสำคัญของการทำตลาดในยุคดิจิทัล เจ้าของธุรกิจจำนวนมากมุ่งเน้นไปที่การยิงโฆษณา (Ads) เพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งอาจได้ผลในระยะสั้น แต่ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป พวกเขามักไม่เชื่อถือข้อมูลที่มาจากแบรนด์โดยตรง แต่จะเชื่อข้อมูลจากคนรอบข้าง บุคคลที่พวกเขารู้จัก หรือผู้เชี่ยวชาญมากกว่า ดังนั้น การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ผ่าน Personal Branding จะช่วยให้ลูกค้ารู้จักและเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาโฆษณามากเกินไป
Personal Branding คือกุญแจสำคัญ
Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ผ่านตัวบุคคล เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีสำหรับธุรกิจ SME และธุรกิจบริการ เพราะผู้คนมักเชื่อถือบุคคลมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ การนำเสนอความสามารถ ความเชี่ยวชาญ หรือจุดเด่นของธุรกิจผ่านตัวคุณเองจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นในแบรนด์ของคุณมากขึ้น
เครื่องมือในการสร้างตัวตนออนไลน์
การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์สามารถทำได้ผ่าน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่:
- วิดีโอ (Video Content) – ใช้แพลตฟอร์มอย่าง YouTube, TikTok, Facebook Reels เพื่อสื่อสารกับลูกค้า
- รูปภาพและข้อความ (Visual & Written Content) – ใช้ Instagram, Facebook Posts และ LinkedIn เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของคุณ
- พอดแคสต์ (Podcast) – สำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านเสียง เช่น Spotify หรือ Apple Podcasts
เคล็ดลับ: เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ และสร้างคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความไว้วางใจและการจดจำแบรนด์
ข้อดีของการสร้างตัวตนสำหรับ SME
การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจ SME สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจาก:
- ทำได้ด้วยตนเอง – เจ้าของธุรกิจสามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทโฆษณาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด
- ต้นทุนต่ำ – เมื่อเทียบกับการยิงโฆษณาที่ต้องใช้งบประมาณสูง การสร้างคอนเทนต์เองสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก
- สร้างภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญ – การแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของตน
- เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีกว่าโฆษณา – คอนเทนต์ที่ให้ความรู้หรือมีคุณค่า มักถูกแชร์ต่อ ทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้โดยธรรมชาติและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกว่าการโฆษณาเพียงอย่างเดียว
2. การปรับปรุงสินค้าและบริการให้โดดเด่น
การตลาดที่ดีไม่สามารถชดเชยสินค้าหรือบริการที่ขาดคุณภาพได้ ดังนั้นการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง สำหรับธุรกิจ SME การทำงานมีความยืดหยุ่นมากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ จึงสามารถสร้างจุดเด่นที่องค์กรใหญ่ทำได้ยาก เช่น การให้บริการที่เป็นเลิศ การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม และการนำ feedback จากลูกค้ามาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ SME สามารถแข่งขันได้แม้ไม่มีงบประมาณมหาศาลเหมือนบริษัทใหญ่
วิธีทำให้สินค้าของคุณโดดเด่น
- เข้าใจความต้องการของลูกค้า – ศึกษาความต้องการและปัญหาของลูกค้า แล้วพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตอบโจทย์
- สร้างจุดขายที่แตกต่าง (Unique Selling Proposition – USP) – ทำให้สินค้าของคุณมีเอกลักษณ์ที่คู่แข่งไม่มี เช่น คุณภาพที่เหนือกว่า บริการที่รวดเร็ว หรือการรับประกันที่ยาวนานขึ้น
- เพิ่มมูลค่าด้วยการบริการ – บริการที่ดีช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า เช่น การให้คำปรึกษาหลังการขาย หรือการมีช่องทางติดต่อที่สะดวก
3. การใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
SEO และ Content Marketing
การทำให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ บน Google และ YouTube เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ของคุณ การทำ SEO สามารถช่วยให้ลูกค้าค้นพบธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ SEO ยังช่วยประหยัดค่าโฆษณา เพราะเมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google แบบธรรมชาติ คุณจะได้รับการเข้าชมโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาโดยตรง อีกทั้งการสร้างบทความคุณภาพบนเว็บไซต์ยังเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความเชี่ยวชาญของธุรกิจ ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและมองว่าแบรนด์ของคุณเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
การทำ Content บนหลายแพลตฟอร์ม
เพื่อให้แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงมากขึ้น คุณควรสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น การทำ SEO แล้ว การทำโพสต์บนโซเชียลมีเดีย และวิดีโอ ที่มีคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อสร้างฐานผู้ติดตาม ก็เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่น
- วิดีโอสั้นบน TikTok, YouTube Shorts, Facebook Reels
- รูปภาพและบทความบน Instagram, Facebook, LinkedIn
- บทความยาวและ SEO บน เว็บไซต์และบล็อกของคุณ
การกระจายคอนเทนต์ไปยังหลายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่ม Social Proof ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณมากขึ้น
Social Proof คืออะไร และทำไมธุรกิจควรให้ความสำคัญ?
Social Proof คือแนวคิดที่ว่าผู้คนมักจะตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ ตามความคิดเห็นหรือพฤติกรรมของผู้อื่น หากธุรกิจของคุณสามารถแสดงให้เห็นว่ามีลูกค้าจำนวนมากที่ใช้สินค้าและบริการ และมีการรีวิวหรือคำแนะนำที่ดี ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้
เหตุผลที่ธุรกิจควรสร้าง Social Proof:
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ – ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเชื่อถือธุรกิจที่มีรีวิวจากลูกค้าจริงมากกว่าข้อมูลที่มาจากโฆษณา
- ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น – การเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่นใช้บริการและพึงพอใจ จะกระตุ้นให้ลูกค้าใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ – การรีวิวหรือแชร์คอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์จากลูกค้าช่วยให้เกิดการบอกต่อโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเพิ่มเติม
Case Study: การสร้าง Social Proof ที่ประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Tesla ซึ่งใช้ Social Proof อย่างมีประสิทธิภาพแทนการพึ่งพาโฆษณาแบบดั้งเดิม Tesla กระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย และให้รางวัลสำหรับการแนะนำเพื่อนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท สิ่งนี้ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็วโดยอาศัยการบอกต่อจากผู้ใช้จริงมากกว่าการใช้โฆษณาเสียเงิน
ดังนั้นธุรกิจ SME สามารถนำกลยุทธ์นี้มาใช้ได้โดยการขอรีวิวจากลูกค้า ส่งเสริมการแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย และสร้างเนื้อหาที่กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องพึ่งพาโฆษณาเพียงอย่างเดียว
4. การใช้ GenAI ในการทำตลาดออนไลน์
ในปี 2025 Generative AI (GenAI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำตลาดออนไลน์อย่างมาก ธุรกิจที่สามารถใช้ GenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะมีความได้เปรียบอย่างมากในการสร้างคอนเทนต์และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด ปัจจุบันมี GenAI หลายตัวที่นักการตลาดนิยมใช้ ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ได้แก่:
- ChatGPT – เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อหาบทความ บล็อกโพสต์ และตอบแชทลูกค้าแบบอัตโนมัติ จุดเด่นคือความสามารถในการเข้าใจภาษาธรรมชาติและสร้างข้อความที่น่าสนใจ
- Gemini (Google) – เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับระบบของ Google เช่น การทำ SEO หรือการสร้างโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Google จุดเด่นคือการทำงานร่วมกับข้อมูลเรียลไทม์ได้ดี
- Claude (Anthropic) – เหมาะสำหรับการสร้างคอนเทนต์ที่ต้องการความแม่นยำสูงและการวิเคราะห์เชิงลึก จุดเด่นคือการโฟกัสที่ความปลอดภัยและความสามารถในการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์
นักการตลาดสามารถเลือกใช้ AI ที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท เช่น ใช้ ChatGPT เพื่อเขียนคอนเทนต์ ใช้ Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และใช้ Claude เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและวางกลยุทธ์การตลาด
วิธีใช้ GenAI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด
- สร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ – ใช้ AI ในการเขียนบทความ โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือสคริปต์วิดีโอได้อย่างรวดเร็ว
- วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า – AI สามารถช่วยวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า และช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาได้แม่นยำขึ้น
- แชทบอทและการบริการลูกค้า – AI Chatbot สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
- การปรับแต่งโฆษณาแบบอัจฉริยะ – AI สามารถช่วยกำหนดงบประมาณโฆษณาให้เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
5. การใช้ Live Commerce เพื่อเพิ่มยอดขาย
Live Commerce กำลังกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น Live Commerce คือการขายสินค้าผ่านการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Live, TikTok Live, Instagram Live และ YouTube Live ซึ่งช่วยให้ผู้ขายสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
ข้อดีของ Live Commerce สำหรับ SME
- สร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ – ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าแบบเรียลไทม์ ฟังคำอธิบาย และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
- ต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบเดิม – การทำ Live Commerce ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาล สามารถเริ่มต้นได้ด้วยโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต
- สร้างความแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ – แบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างธุรกิจซับซ้อนอาจไม่สามารถทำ Live Commerce ได้อย่างคล่องตัวเท่ากับธุรกิจ SME
- ช่วยเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของลูกค้า – ลูกค้าสามารถโต้ตอบ แสดงความคิดเห็น และรับโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่วงไลฟ์สด
ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจาก Live Commerce
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ พิมรี่พาย นักธุรกิจและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย ที่ใช้ Live Commerce เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างยอดขายอย่างมหาศาล พิมรี่พายสามารถทำยอดขายได้นับล้านบาทภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยการใช้กลยุทธ์การไลฟ์สดบน Facebook และ TikTok เธอใช้การพูดคุยที่เป็นกันเอง ดึงดูดลูกค้าให้มีส่วนร่วม และเสนอโปรโมชั่นพิเศษแบบเรียลไทม์ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการซื้อทันที
นอกจากนี้ การไลฟ์ของพิมรี่พายยังมียอดผู้ชมสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าการใช้ Live Commerce สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงแบบไม่มีตัวกลาง
สรุป:วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ชนะคู่แข่งในปี 2025
ในปี 2025 การตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยมากกว่าการยิงโฆษณา กลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ การพัฒนาสินค้าให้โดดเด่น การใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่างชาญฉลาด และการนำ GenAI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Live Commerce ยังเป็นช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจ SME แข่งขันได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องพึ่งพาโฆษณาแพงๆ จากแบรนด์ใหญ่ ธุรกิจ SME ควรเริ่มต้นปรับใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต และสร้างความได้เปรียบในตลาดดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ