ROI คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
ROI คือ Return on Investment แปลว่า ผลตอบแทนจากการลงทุน
ROI คือ Return on Investment
การวัด ROI (Return on Investment) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันในตลาดออนไลน์มีระดับความเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน เพราะธุรกิจหลายๆ ร้านต้องการให้กำไรให้กับการลงทุนทุกบาท
หากคุณเป็นผู้บริหารธุรกิจหรือนักการตลาดที่กำลังสงสัยเรื่องการวัด ROI และส่งผลลัพธ์การลงทุนของกิจกรรมต่างๆ ในบริษัท หรือหากคุณเป็นนักศึกษาหรือนักเรียนที่กำลังศึกษาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการตลาด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่อง ROI ได้อย่างชัดเจน และว่าทำไมการใช้กำหนดตัวชี้วัดนี้เพื่อวัดประสิทธิภาพของกิจกรรมการตลาดนั้นสำคัญขนาดนั้น
แล้ว ROI คืออะไร?
ROI (Return on Investment) คือ ตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน โดยคำนวณจากผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนที่ลงทุนไป ซึ่งสามารถใช้วัดผลได้ในรูปของเปอร์เซ็นต์ ช่วยให้ธุรกิจหรือผู้ลงทุนสามารถประเมินได้ว่าการลงทุนที่ทำไปนั้นมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
สูตรการคำนวณ ROI
ROI = ( กำไรสุทธิ / ต้นทุนการลงทุน ) x 100
“`
กำไรสุทธิ หมายถึง ผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งหมด หักด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ต้นทุนการลงทุน หมายถึง เงินทุนที่ใช้ในการลงทุน
“`
ตัวอย่าง:
ลงทุน 100,000 บาท ได้กำไรสุทธิ 20,000 บาท
ROI = ( 20,000 / 100,000 ) x 100 = 20%
“`
ความหมายของ ROI
- ROI สูง หมายถึง การลงทุนนั้นมีประสิทธิภาพดี ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
- ROI ต่ำ หมายถึง การลงทุนนั้นมีประสิทธิภาพต่ำ อาจจะขาดทุนหรือให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า
- ROI เท่ากับ 0 หมายถึง การลงทุนนั้นไม่ได้ให้ผลกำไรหรือขาดทุน
ในโฆษณาออนไลน์ ROI คือ
ROI (Return on Investment) ในโฆษณาออนไลน์คือการวัดผลตอบแทนที่ธุรกิจได้รับจากการลงทุนในแคมเปญโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ทำโฆษณา Google Ads, ทำโฆษณา Facebook Ads, ทำโฆษณา TikTok Ads หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยคำนวณจากกำไรที่ได้รับเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ใช้ไปในโฆษณา เพื่อให้เห็นว่าการลงทุนในการโฆษณานั้นคุ้มค่าหรือไม่
ความสำคัญของการวิเคราะห์ ROI ในโฆษณาออนไลน์
- การประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ: ช่วยให้เห็นว่าแคมเปญใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด และแคมเปญใดที่ไม่คุ้มค่า
- การปรับปรุงกลยุทธ์: ช่วยให้นักการตลาดปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงแคมเปญให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้
- การจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม: ช่วยให้คุณเลือกที่จะลงทุนในช่องทางโฆษณาที่ให้ ROI สูง และลดหรือหยุดการลงทุนในช่องทางที่ไม่ให้ผลตอบแทนที่ดี
- การตัดสินใจในระยะยาว: การวิเคราะห์ ROI ช่วยให้สามารถวางแผนการตลาดในระยะยาวได้ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่วัดผลได้
ปัจจัยสำคัญที่ต้องวิเคราะห์เมื่อคำนวณ ROI ในโฆษณาออนไลน์
- ต้นทุนโฆษณา (Ad Spend): ค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปในแคมเปญโฆษณา เช่น ค่าโฆษณาบน Facebook Ads, Google Ads หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ รวมถึงค่าบริการของเอเจนซี่ (ถ้ามี)
- รายได้ที่เกิดจากโฆษณา (Revenue from Ads): รายได้ที่เกิดขึ้นจากแคมเปญโฆษณา เช่น การขายสินค้าหรือบริการที่สามารถตรวจสอบได้ว่ามาจากการคลิกหรือการมองเห็นโฆษณา
- Conversion Rate (อัตราการแปลงผล): จำนวนผู้ที่คลิกโฆษณาแล้วทำการซื้อสินค้าหรือบริการจริงๆ เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการดูว่าแคมเปญนั้นประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
- Customer Lifetime Value (มูลค่าลูกค้า): สำหรับธุรกิจบางประเภท การประเมินมูลค่าลูกค้าตลอดช่วงเวลาที่ลูกค้าทำธุรกิจกับคุณก็สำคัญ เพราะลูกค้าอาจไม่ได้ซื้อเพียงครั้งเดียว แต่กลับมาซื้อซ้ำอีกหลายครั้ง
- CPC (Cost per Click) หรือ CPA (Cost per Acquisition): ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการคลิกหรือการได้ลูกค้าหนึ่งคน ค่านี้จะช่วยบอกว่าคุณจ่ายเท่าไหร่ในการดึงลูกค้าเข้ามาแต่ละราย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ ROI
การวิเคราะห์ ROI ในการทำโฆษณาออนไลน์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมองเห็นความคุ้มค่าและประสิทธิภาพของแคมเปญต่างๆ โดยใช้ข้อมูลที่วัดผลได้จริง ไม่เพียงแค่ช่วยในการประเมินการลงทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ