มารู้จักกับ Lead Generation Funnel คืออะไร?

Lead Generation Funnel คืออะไร? กระบวนการที่ช่วยดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้าสู่ระบบการขายของธุรกิจ

Lead Generation Funnel คืออะไร

Lead Generation Funnel เป็นกระบวนการที่ช่วยดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้าสู่ระบบการขายของธุรกิจ โดยลูกค้ายินดีให้ข้อมูลติดต่อเช่น ชื่อ เบอร์มือถือ อีเมล ถ้าคุณทำได้ดี คุณจะได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ และเพิ่มโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้น

SME Jump เอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์ วันนี้เรานำจะมาแชร์วิธีสร้าง Lead Generation Funnel อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบยั่งยืน


ทำไมต้องใช้ Lead Generation และธุรกิจใดที่ควรใช้

Lead Generation เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อ เช่น ธุรกิจ B2B, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจการศึกษา และธุรกิจด้านสุขภาพ เพราะการเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมายทำให้สามารถติดตามผล และให้ข้อมูลที่ช่วยโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างธุรกิจที่ควรใช้ Lead Generation:

  • ธุรกิจ B2B เช่น บริษัทซอฟต์แวร์, ผู้ให้บริการด้านการตลาด หรือที่ปรึกษาธุรกิจ ที่ต้องการหาลูกค้าองค์กรที่สนใจบริการของตน
  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการเก็บข้อมูลลูกค้าที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโด
  • ธุรกิจการศึกษา เช่น คอร์สเรียนออนไลน์ หรือโรงเรียนกวดวิชา ที่ต้องการดึงดูดนักเรียนใหม่
  • ธุรกิจสุขภาพและความงาม เช่น คลินิกเสริมความงาม หรือโรงพยาบาล ที่ต้องการให้ลูกค้าเข้ารับบริการ
  • ธุรกิจ E-commerce และ Subscription ที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม

ข้อดีเพิ่มเติม Lead Generation ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังช่วยลดต้นทุนการโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดระยะยาวอีกด้วย

Lead Generation Funnel ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง

Lead Generation Funnel เป็นกระบวนการที่แบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน ตั้งแต่การดึงดูดความสนใจของลูกค้า ไปจนถึงการเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าจริง หากคุณสามารถดำเนินการแต่ละขั้นตอนอย่างถูกต้อง โอกาสในการปิดการขายและสร้างลูกค้าที่ภักดีจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

1. Awareness – การสร้างการรับรู้แบรนด์

สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเราก่อน ถ้าเขาไม่รู้จักเรา ก็ไม่มีทางสนใจสินค้าเราได้ และคงไม่ยอมให้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลดีคือ Content Marketing เช่น:

  • การเขียนบทความ SEO ที่ตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้า
  • การทำวิดีโอรีวิว หรือ TikTok สั้นๆ ที่ให้ความรู้และความบันเทิงไปพร้อมกัน
  • การโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ต้องทำสม่ำเสมอ และเลือกแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้เยอะที่สุด

นอกจากนี้ อีกเทคนิคที่ใช้ได้คือ การยิงแอด เช่น Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น หรือใช้ Influencer Marketing ให้ influencer ที่มีกลุ่มผู้ติดตามที่ตรงกับสินค้าหรือบริการของคุณช่วยโปรโมท


2. Interest – การดึงดูดความสนใจและเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมาย

เมื่อเขารู้จักเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำให้พวกเขาสนใจและยินดีให้ข้อมูล วิธีที่นิยมคือ การให้ของฟรีแลกกับข้อมูล เช่น:

  • Ebook
  • ทดลองใช้บริการฟรี
  • Webinar สัมนาออนไลน์
  • Mini Course

ตัวอย่าง: หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ คุณอาจแจก “ตารางอาหารลดน้ำหนักใน 7 วัน” ให้ฟรี แลกกับอีเมลของลูกค้า

แต่แค่มีของฟรีอย่างเดียวไม่พอ Landing Page ที่ใช้เก็บข้อมูลต้องออกแบบให้ดี โหลดเร็ว และมี Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น “ดาวน์โหลดฟรีตอนนี้!”

  • หลีกเลี่ยงการใช้ฟอร์มที่ยาวเกินไป เพราะยิ่งถามเยอะ คนยิ่งไม่อยากกรอกข้อมูล
  • ใช้ตัวเลขสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น “มีคนดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 10,000 คน” หรือ “ใช้ได้ผลจริงจากผู้ใช้กว่า 95%”

3. Consideration – การเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น

ตรงนี้เราต้องให้ข้อมูลที่ช่วยลดความสงสัย กังวล เช่น:

  • รีวิวจากลูกค้าจริง
  • Case Study
  • การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

ตัวอย่าง: หากคุณขายคอร์สเรียนออนไลน์ คุณอาจโชว์รีวิวจากนักเรียนเก่าที่เรียนแล้วได้ผลลัพธ์ชัดเจน หรือถ้าคุณขายซอฟต์แวร์ คุณอาจโชว์กราฟเปรียบเทียบข้อดีของซอฟต์แวร์คุณเปรียบเทียบกับของคู่แข่ง


4. Conversion – ขั้นตอนปิดการขาย

จุดนี้เราต้องทำให้กระบวนการซื้อให้ง่ายที่สุด ถ้าระบบซื้อลำบาก มีหลายขั้นตอน ลูกค้าก็อาจเปลี่ยนใจไปซื้อจากที่อื่น วิธีที่ช่วยให้ปิดการขายเร็วขึ้นคือ:

  • ใช้ เงื่อนไขเวลาและจำนวน เช่น “โปรโมชั่นหมดเขตภายใน 24 ชั่วโมง” หรือ “เหลือแค่ 5 ชิ้นสุดท้าย”
  • เสนอ ทางเลือกการชำระเงินที่สะดวก เช่น โอนผ่าน QR Code, ผ่อนจ่าย 0%, หรือเก็บเงินปลายทาง

5. Retention & Advocacy – การรักษาลูกค้าเก่าและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ

เพราะ การหาลูกค้าใหม่แพงกว่าการรักษาลูกค้าเก่าเสมอ วิธีที่ใช้ได้ผลคือ:

  • Loyalty Program เช่น ให้แต้มสะสมแลกของรางวัล หรือให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าประจำ
  • การขอรีวิวจากลูกค้าจริง หรือการให้ลูกค้าสร้าง User-Generated Content เช่น รีวิวผ่านวิดีโอ TikTok หรือโพสต์รูปสินค้าแล้วติดแฮชแท็ก
  • ติดตามผลหลังการขาย เช่น ส่งอีเมลขอบคุณลูกค้า ขอ Feedback หรือให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไป

รูปแบบโฆษณาที่เหมาะสำหรับ Lead Generation

การใช้โฆษณาเพื่อสร้าง Lead Generation เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง หากเลือกใช้ช่องทางและรูปแบบที่เหมาะสม ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยรูปแบบโฆษณาที่นิยมใช้ ได้แก่:

  • Google Ads: การใช้โฆษณาแบบ Search Ads หรือ Display Ads ส่งผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บไซต์หรือ Landing Page ที่มีฟอร์มกรอกข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าติดต่อกลับ นอกจากนี้ โฆษณาแบบ Performance Max ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมในการสร้างคอนเวอร์ชั่น ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการสร้าง Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกระจายโฆษณาไปยังหลายช่องทางของ Google เช่น YouTube, Search, Display, Discovery และ Gmail เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายในทุกจุดที่พวกเขาใช้งานออนไลน์
  • Facebook Lead Ads: โฆษณารูปแบบที่ช่วยให้ลูกค้ากรอกฟอร์มได้โดยตรงบน Facebook โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม
  • TikTok Lead Generation Ads: ใช้ฟอร์มบน TikTok ที่ช่วยให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลได้ง่ายโดยไม่ต้องออกจากแอปพลิเคชัน
  • Facebook Messenger Ads: กระตุ้นให้ลูกค้าแชทกับธุรกิจผ่าน Messenger เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเก็บข้อมูลลูกค้า

ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกใช้รูปแบบโฆษณาที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้าง Lead และทำให้ธุรกิจสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้น

3 เคล็ดลับในการสร้าง Lead Generation ให้ประสบความสำเร็จ

การสร้าง Lead Generation ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและยินดีให้ข้อมูลของตนเอง ต่อไปนี้คือ 3 เคล็ดลับสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัตราการสร้าง Lead:

1. สร้างความน่าเชื่อถือเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมั่นใจในการให้ข้อมูล

ลูกค้ามักกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ วิธีที่ช่วยได้ เช่น:

  • แสดงรีวิวจากลูกค้าจริง
  • มีตรารับรองความปลอดภัยของข้อมูล เช่น SSL หรือ Privacy Policy
  • ใช้โลโก้ของพันธมิตรหรือบริษัทที่เคยร่วมงานด้วยเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

2. การขอข้อมูลต้องไม่มากเกินไป ขอเท่าที่จำเป็น

แบบฟอร์มที่ซับซ้อนหรือขอข้อมูลมากเกินไปอาจทำให้ลูกค้าลังเลที่จะกรอกข้อมูล ดังนั้นควร:

  • ขอเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์
  • ใช้แบบฟอร์มที่เรียบง่าย กรอกง่าย ไม่ต้องใช้เวลานาน
  • สามารถใช้ฟีเจอร์ Autofill เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลได้สะดวกขึ้น

3. มี Incentive หรือ Reward หรือ Benefit เพื่อกระตุ้นในการให้ข้อมูล

การให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นแรงจูงใจที่ช่วยให้ลูกค้ายินดีให้ข้อมูลมากขึ้น เช่น:

  • แจก Ebook หรือคอร์สออนไลน์ฟรี
  • ให้ส่วนลดหรือคูปองพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียน
  • ให้สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ เช่น Webinar หรือสัมมนาออนไลน์

การใช้ทั้ง 3 เคล็ดลับนี้ร่วมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้าง Lead ที่มีคุณภาพและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้กับธุรกิจของคุณ

สรุป: Lead Generation Funnel คืออะไร

ทั้งหมดนี้คือวิธีสร้าง Lead Generation Funnel ให้มีประสิทธิภาพ ถ้าคุณทำครบทุกขั้นตอน ไม่ใช่แค่คุณจะได้ลูกค้าใหม่ แต่คุณจะได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ และพร้อมจะบอกต่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบยั่งยืน!

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ