การทำ Remarketing 2025
หัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและเพิ่มโอกาสในการขาย
การทำ Remarketing 2025
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง การเข้าใจและใช้เทคนิคการทำ Remarketing 2025 อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและเพิ่มโอกาสในการขายได้ Remarketing หรือที่บางครั้งเรียกว่า Retargeting เป็นวิธีการตลาดที่ช่วยนำผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือสินค้าของคุณกลับมาทำ Conversion หรือซื้อสินค้าจนสำเร็จ
SMEJUMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ เราขอนำเสนอบทความที่จะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของ Remarketing ตั้งแต่ความหมาย ประโยชน์ แพลตฟอร์มที่เหมาะสม ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับแผนการตลาดของคุณ
Remarketing คืออะไร
Remarketing คือกระบวนการสร้างแคมเปญโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณมาแล้ว ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์และดูสินค้าบางประเภทแต่ยังไม่ได้ทำการสั่งซื้อ หรือผู้ใช้งานที่เคยกรอกฟอร์มบนเว็บไซต์ของคุณ Remarketing ช่วยให้คุณสามารถติดตามกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการแสดงโฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของพวกเขา อาทิ การเยี่ยมชมเว็บไซต์ การดูวิดีโอ การคลิกโฆษณา หรือการเพิ่มสินค้าในตะกร้า แต่ยังไม่ทำการซื้อ การทำ Remarketing ช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการด้วยการแสดงโฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของพวกเขา
ประโยชน์ของการทำ Remarketing
- เพิ่มอัตรา Conversion: ลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณมีแนวโน้มที่จะดำเนินการตามเป้าหมาย เช่น การสั่งซื้อสินค้า การคลิกปุ่มติดต่อ หรือการกรอกข้อมูลในฟอร์ม มากกว่าลูกค้าใหม่ การทำ Remarketing ช่วยกระตุ้นความสนใจผ่านการแสดงโฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของพวกเขา ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนใจและดำเนินการต่อจนเสร็จสิ้น
- ลดต้นทุนการตลาด: จากประสบการณ์การยิงแอดของเรา ต้นทุนต่อ Conversion ของแคมเปญ Remarketing มักจะถูกกว่าแคมเปญทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการสร้างโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่รู้จักแบรนด์อยู่แล้วช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะดำเนินการตามเป้าหมายสูง
- ปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้: Remarketing ช่วยให้คุณสามารถนำเสนอข้อความที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงของการตัดสินใจซื้อ อีกทั้งยังช่วยทำให้การตลาดแบบ Personalization เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ตรงตามพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งในยุคปัจจุบันลูกค้ามักคาดหวังเรื่อง Personalization มากขึ้น เพื่อประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และตอบโจทย์เฉพาะตัว
- เพิ่มความภักดีของลูกค้า: การทำ Remarketing เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องกับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าได้มีโอกาสเห็นคอนเทนต์ของแบรนด์มากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างความคุ้นเคยและความเชื่อมั่นในแบรนด์ นำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำและรักษาความภักดีในระยะยาว
Remarketing เหมาะกับใคร
Remarketing เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายและการรับรู้แบรนด์ โดยเฉพาะในกลุ่มดังนี้:
- ธุรกิจ E-commerce ที่ต้องการลดอัตราการทิ้งตะกร้าสินค้า
- ธุรกิจ B2B ที่มีวงจรการขายยาวและต้องการติดต่อผู้มุ่งหวังซ้ำ
- ผู้สร้างคอนเทนต์หรือเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
อธิบายการทำ Remarketing ในแต่ละแพลตฟอร์ม
1. Google Ads
Google Ads เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการทำ Remarketing โดยใช้เครื่องมือ Google Tag Manager (GTM) และ Google Analytics ในการเก็บข้อมูล Remarketing List คุณสามารถแสดงโฆษณาในเครือข่าย Google Display Network และ YouTube เพื่อเข้าถึงลูกค้าในหลายรูปแบบ เช่น แบนเนอร์โฆษณาและวิดีโอ โดยติดตามกลุ่มคนที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ หรือกระทำ Conversion เช่น คลิกปุ่มติดต่อเรา หรือชมวิดีโอของใน YouTube
2. Facebook Ads
Facebook มีระบบ Remarketing ที่ใช้งานง่ายโดยใช้ Facebook Pixel สำหรับเก็บข้อมูลผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ คุณสามารถสร้าง Custom Audiences เพื่อเข้าถึงผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเพจหรือเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงการสร้างกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม โดยใช้ข้อมูลใน Pixel เป็นแหล่งข้อมูลต้นฉบับ เช่น Lookalike Audiences เพื่อค้นหาผู้ที่มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับลูกค้าเดิมที่เคยเข้าในเว็บไซต์
3. TikTok Ads
TikTok เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังเติบโต การทำ Remarketing ใน TikTok มีวิธีการทำงานที่คล้ายคลึงกับ Facebook Ads โดยคุณต้องติดตั้ง Remarketing Code หรือที่เรียกว่า TikTok Pixel บนเว็บไซต์ของคุณ TikTok Pixel ทำหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น การดูวิดีโอ การคลิกลิงก์ หรือการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า คุณสามารถสร้างโฆษณาแบบ Creative ที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่เคยแสดงความสนใจในสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. LINE Ads
สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย LINE Ads เป็นช่องทาง Remarketing ที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้ LINE Tag เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือคลิกโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้ และส่งข้อความหรือโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของพวกเขา โดยสร้างแคมเปญโฆษณาใน LINE Ads และเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็น กลุ่มคนใน LINE Tag หรือคนที่เคยเข้าในเว็บไซต์ของคุณ
การทำ Remarketing ขั้นสูง
ข้อมูลด้านล่างคือไอเดียในการทำ Remarketing ขั้นสูง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเจาะลึกพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด Remarketing ขั้นสูงเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีข้อมูลลูกค้าเพียงพอ เช่น รายชื่ออีเมลหรือประวัติการซื้อสินค้า โดยมีประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสในการขายอย่างมีเป้าหมาย เช่น การกระตุ้นลูกค้าที่มีโอกาสสูงในการซื้อซ้ำ การปรับแต่งข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการเฉพาะตัว และการเพิ่มความพึงพอใจในประสบการณ์การใช้งาน
- Remarketing for Converter เข้าถึงลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือใช้บริการแล้ว เพื่อเสนอสินค้าใหม่หรือโปรโมชั่นที่เหมาะสม เช่น Cross-sell หรือ Upsell
- Remarketing คนที่กรอกฟอร์ม แสดงโฆษณาเพิ่มเติมให้กับผู้ที่กรอกข้อมูลในฟอร์มบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการขั้นถัดไป เช่น การลงทะเบียนงานสัมมนา หรือการกรอกข้อมูลนัดเข้าชมโครงการอสังหา
- Remarketing คนที่มีสินค้าในตะกร้า กระตุ้นให้ลูกค้าที่เพิ่มสินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ชำระเงินกลับมาดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ เช่น การเสนอส่วนลดหรือการแจ้งเตือนสินค้าหมดสต็อก
- Remarketing จากรายชื่อลูกค้า อัปโหลดรายชื่อลูกค้าที่มีอยู่ในระบบ CRM เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะและส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ ระบบ CRM ที่ได้รับความนิยมและสามารถนำมาใช้ทำ Remarketing ได้ ได้แก่ Salesforce, HubSpot, Zoho CRM, Pipedrive และ Microsoft Dynamics โดยระบบเหล่านี้ช่วยให้การจัดการข้อมูลลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำข้อมูลมาใช้ในแคมเปญ Remarketing เพื่อเพิ่มความแม่นยำและโอกาสในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้า
แนะนำการใช้ Google Tag Manager เบื้องต้น
Google Tag Manager (GTM) เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการโค้ดติดตามบนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้งาน เช่น การติดตาม Conversion บนหน้าเว็บไซต์โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่ซ้ำ ๆ หรือการตั้งค่าเหตุการณ์ (Event) เพื่อวัดผลกิจกรรมต่าง ๆ บนเว็บไซต์ เช่น การคลิกปุ่ม การดาวน์โหลดไฟล์ หรือการเลื่อนหน้าจอ GTM ยังช่วยให้การจัดการโค้ดทั้งหมดทำได้ง่ายในที่เดียว ช่วยลดความยุ่งยากและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการตั้งค่าติดตามข้อมูล
นอกจากนี้ คุณสามารถติดตั้ง GTM เพื่อใช้เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น การคลิก การเลื่อนหน้า หรือการกรอกฟอร์ม GTM ยังช่วยให้การบริหารจัดการโค้ดต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกในที่เดียวผ่านบัญชี GTM โดยไม่จำเป็นต้องเข้าระบบหลังบ้านของเว็บไซต์เพื่อวาง Tracking Code เพิ่มเติม คุณสามารถเปิด-ปิด หรือแก้ไขโค้ดเหล่านี้ได้โดยตรงผ่าน GTM ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการ
ขั้นตอนเริ่มต้นใช้งาน GTM:
- สร้างบัญชี GTM และติดตั้งโค้ด GTM บนเว็บไซต์ของคุณ
- สร้างแท็ก (Tag) เช่น Google Ads Remarketing หรือ Facebook Pixel
- ตั้งค่า Trigger เพื่อกำหนดเหตุการณ์ที่ต้องการติดตาม
- ตรวจสอบและเผยแพร่การตั้งค่า
แนะนำทางเลือกอื่นๆในการทำการตลาดนอกเหนือจากการทำ Remarketing
นอกเหนือจาก Remarketing คุณยังสามารถใช้กลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ เช่น การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการตลาดแบบ Omnichannel ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องในทุกช่องทาง การใช้ Chatbot เพื่อสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง และการใช้ Social Listening เพื่อติดตามความคิดเห็นของลูกค้าและปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ได้ตรงจุด
- Content Marketing: การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่
- Influencer Marketing: การร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในสังคมออนไลน์เพื่อโปรโมตสินค้า
- SEO: การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับในเครื่องมือค้นหาเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานแบบออร์แกนิก
- Email Marketing: การส่งอีเมลที่ตรงเป้าหมายไปยังฐานลูกค้าที่มีอยู่
- Affiliate Marketing: การสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อช่วยขายสินค้าหรือบริการ
สรุป: การทำ Remarketing 2025
การผสมผสานกลยุทธ์ Remarketing กับวิธีการตลาดอื่น ๆ อย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2025 การทำ Remarketing ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลูกค้า การทำงานร่วมกับเครื่องมือการตลาดและแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น Google Ads, Facebook Ads และ LINE Ads จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ หากคุณสามารถใช้เทคนิคขั้นสูงและปรับแผนการตลาดให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางธุรกิจ Remarketing จะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ