ในปีหน้านี้มี วิธีใช้โซเชียลมีเดียช่วยธุรกิจได้ยังไงบ้าง

วิธีใช้โซเชียลมีเดียช่วยธุรกิจ 2025 สร้างความเชื่อมั่นลูกค้าในยุคเศรษฐกิจท้าทาย

วิธีใช้โซเชียลมีเดียช่วยธุรกิจ 2025 : สร้างความเชื่อมั่นลูกค้าในยุคเศรษฐกิจท้าทาย

ในปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงมีความไม่แน่นอน และลูกค้ามีความกังวลในดำเนินชีวิต และการใช้จ่ายที่รัดกุมมากขึ้น การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องให้ความสำคัญ โซเชียลมีเดียถือเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และยังสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว

SMEJUMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ พวกเราขอนำเสนอบทความนี้ เราจะมาดูวิธีที่ธุรกิจสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเทคนิคสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในยุคดิจิตอล

 1. การตอบสนองอย่างรวดเร็วและจริงใจ: หัวใจของความเชื่อมั่น

ในยุคการตลาดออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป ลูกค้าคาดหวังการตอบสนองที่รวดเร็วทาง LINE และ Messenger โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน ความรวดเร็วในการตอบกลับคำถามหรือข้อกังวลของลูกค้ากลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ลูกค้าต้องการรู้สึกว่าธุรกิจให้ความสำคัญและพร้อมช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่

แนวทางปฎิบัติ:

– สร้างทีมตอบคำถาม: จัดสรรทีมที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับดูแลโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ พร้อมจัดให้มีการเทรนนิ่งผู้ดูแลโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มทักษะการตอบคำถาม เน้นให้เห็นถึงความสำคัญและผลกระทบของการตอบคำถามที่ดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อให้สามารถตอบกลับข้อความและความคิดเห็นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
– ใช้ระบบตอบกลับอัตโนมัติ: สำหรับคำถามทั่วไป ใช้ฟีเจอร์ตอบกลับอัตโนมัติเพื่อให้ลูกค้าได้รับการตอบสนองเบื้องต้นก่อน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสามารถในการตอบคำถามตลอด 24 ชม. การหาเครื่องมือช่วยตอบคำถาม เช่น บอทตอบคำถามและ AI เพื่อช่วยแนะนำและให้ข้อมูลกับลูกค้าเบื้องต้น ก็เป็นแนวทางที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของทีมตอบคำถามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– ติดตามผล: การตอบสนองกับลูกค้าได้รวดเร็วจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ถ้าทีมตอบคำถามมีการติดตามผลหรือแก้ปัญหาหลังจากที่ลูกค้าได้รับข้อมูลไปแล้ว จะสามารถสร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและใส่ใจในทุกขั้นตอน

การตอบกลับอย่างรวดเร็ว ข้อมูลครบถ้วน และจริงใจแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ และยังช่วยลดความเครียด ที่ลูกค้าอาจเผชิญในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน หรือความกังวลเกี่ยวกับมิฉาชีพ สิ่งเล็กๆเหล่านี้จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ หรือช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายมากขึ้น

2. เนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจ: สร้างความรู้สึกเชิงบวกให้กับลูกค้า

การสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น คอนเทนต์เพิ่มพลังใจ แนวทางประสบความสำเร็จ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่น เมื่อแบรนด์แสดงออกถึงความเข้าใจในสถานการณ์ของลูกค้า และมอบสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาผ่านช่วงวิกฤตได้ หรือแม้แต่ให้กำลังใจในการผ่านเวลาช่วงยากลำบาก สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาของลูกค้า

ตัวอย่างคอนเทนต์ที่สร้างความรู้สึกบวก:

– เคล็ดลับการจัดการเงิน จักการหนี้ธุรกิจ: แนะนำวิธีลดค่าใช้จ่าย หรือเทคนิคการจัดการหนี้ และการเพิ่มกระแสเงินสด
– เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ: แชร์ประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากการใช้สินค้าหรือบริการของคุณ และเคล็ดลับความสำเร็จต่างๆจากเคสจริงที่เกิดขึ้น
– กิจกรรมเชิงบวก: การจัดกิจกรรมก่อให้เกิดความสุข และรอยยิ้ม ก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้ลูกค้ามีความรู้สึกเชิงบวกกับแบรนด์ เช่น การจัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ “ส่งต่อความสุข” ที่ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งกำลังใจให้กับลูกค้าทุกคน หรือ การนำเงินส่วนหนึ่งของการซื้อสินค้า ไปร่วมช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ

เมื่อเนื้อหาของแบรนด์สามารถช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับปัญหาเพียงลำพัง ความเชื่อมั่นในแบรนด์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เคล็ดลับสำคัญคือการสร้างความรู้สึกเชิงบวก นักการตลาดสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมได้หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการลดราคาโปรโมชั่นสินค้าเพียงอย่างเดียว

3. การสร้างความเป็นกันเองและความโปร่งใส

โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้แบรนด์สามารถแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าแบรนด์จะใช้เครื่องมือทางดิจิตอลในการทำการตลาด แต่ควรคงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ (Human Touch) ที่แสดงถึงความสัมพันธ์แบบธรรมชาติ ความเป็นกันเอง และการพูดคุยที่จริงใจ นี่คือพื้นที่ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้โดยตรง และมองเห็นความโปร่งใสของธุรกิจในทุกมิติ

วิธีการสร้างความเป็นกันเอง:

– การไลฟ์สด: ไลฟ์สดเพื่อสื่อสารกับลูกค้าในหัวข้อต่างๆ เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์, เบื้องหลังการทำงานของทีม หรือ การแนะนำวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เป็นปัญหาของลูกค้า โดยเน้นความจริงใจ และแสดงออกมากแบบธรรมชาติ
– การบอกเล่าเรื่องราว: การนำเสนอคอนเทนต์แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ในมุมที่ลูกค้าอาจไม่เคยรู้ โดยเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ เช่น การเริ่มต้นธุรกิจพร้อมปรัชญาทางธุรกิจจากผู้ก่อตั้ง, จุดเด่นของสินค้าที่แบรนด์พยายามสร้างขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้า หรือความท้าทายที่แบรนด์เผชิญและเอาชนะมาได้

ความโปร่งใสที่ลูกค้าคาดหวัง:

– การชี้แจงปัญหา: การตอบข้อโต้แย้งหรือการชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจออนไลน์ เพราะการปล่อยให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข หรือการไม่ใส่ใจสิ่งที่ลูกค้าคอมเมนต์ อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นและลุกลามมากขึ้นบนโลกออนไลน์ แบรนด์ควรชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และให้คำมั่นในการแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันความเสียหายและสร้างความไว้วางใจในระยะยาว
– การตอบคำถามเชิงรุก: ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการผลิต, ผลการทดลอง, วิธีแก้ปัญหาจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงการแสดงส่วนผสมหรือส่วนประกอบต่างๆ ของสินค้าอย่างชัดเจน หรือแบรนด์ได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างไร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความโปร่งใสให้กับลูกค้า

ลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าแบรนด์มีความจริงใจและพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจากผลงานวิจัยแนวโน้มเพิ่มขึ้นของลูกค้ารุ่นใหม่ ที่มีความคาดหวังกับความโปร่งใส และความจริงจากจากแบรนด์

4. การใช้คอนเทนต์ที่หลากหลายเพื่อสร้างมูลค่า

โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการขาย แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลและความรู้ที่สำคัญสำหรับลูกค้า ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และสร้างฐานผู้ติดตามเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคต ซึ่งมุมมองนี้อาจถูกมองข้ามโดยหลายธุรกิจ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและหลากหลายจะช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์และรู้สึกว่าได้ประโยชน์จริงจากการติดตาม นอกจากนี้ การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับลูกค้าก็มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ customer journey ของลูกค้าเปลี่ยนไป และใช้เวลานานขึ้นในการตัดสินใจซื้อ การนำเสนอคอนเทนต์บนโซเชียบมีเดียเป็นโอกาสที่แบรนด์จะแสดงความใส่ใจ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพื่อสอดแทรกแบรนด์ให้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

ประเภทของคอนเทนต์ที่ควรใช้:

– วิดีโอสอนการใช้งาน: สาธิตการใช้สินค้าเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและนำไปใช้งานได้จริง นำเสนอการประยุกต์ใช้งานเพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือในการทำธุรกิจ
– บทความเชิงลึก: แชร์ความรู้ในอุตสาหกรรมของคุณ นำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้า เช่น แนวโน้มตลาด เทรนด์ใหม่ในสินค้าและบริการ กรณีศึกษาจริงที่เกิดขึ้นและสามารถเรียนรู้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์
– สาระความรู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง: เช่น เคล็ดลับการบำรุงรักษาสินค้าหรือการประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวัน เทคนิคการเพิ่ม Productivity ในการทำงาน หรือ นำเสนอหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวข้องกับลูกค้า เป็นต้น

การมีคอนเทนต์ที่หลากหลายไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย

5. โซเชียลมีเดีย: พื้นที่สำหรับสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสำหรับการตลาดเน้นส่งเสริมการขาย แต่ยังเป็นกลยุทธ์การตลาดในระยะยาว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจ ขยายฐานผู้ติดตาม และบ่มเพาะกลุ่มผู้ติดตามเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคต กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางการทำการตลาดออนไลน์ที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าได้ เมื่อแบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอผ่านการแสดงออกถึงความใส่ใจ ความโปร่งใส และการให้คุณค่า ลูกค้าจะยอมรับและเชื่อถือแบรนด์มากขึ้น

บทสรุป: วิธีใช้โซเชียลมีเดียช่วยธุรกิจ 2025

ในยุค 2025 ที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจ โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงกลุ่มและรวดเร็ว นักการตลาดควรสร้างกลยุทธ์การสื่อสารที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้สอดคล้องและส่งเสริมซึ่งกันและกัน โซเชียลมีเดียยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและรักษาฐานลูกค้า การตอบสนองอย่างรวดเร็ว การสร้างแรงบันดาลใจ การแสดงความโปร่งใส และการนำเสนอคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคุณยืนหยัดในตลาดได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

อีกหนึ่งคำแนะนำช่วยใช้โซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจประสบความสำเร็จ คือนักการตลาดควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า รวมถึงการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การติดตามผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้นักการตลาดเห็นข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ และสามารถสร้างแคมเปญการตลาดอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า

อ้างอิงจากหนังสือการตลาดที่ขายดีเล่มหนึ่ง “Marketing 4.0” โดย Philip Kotler ได้กล่าวถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลในการทำความเข้าใจลูกค้าและเชื่อมโยงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเข้ากับกลยุทธ์การตลาด โซเชียลมีเดียจะไม่ใช่เพียงแค่ช่องทางการสื่อสารของแบรนด์บนโลกออนไลน์ แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ช่วยสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าจดจำ และไว้วางใจในทุกช่วงเวลา ด้วยการผสมผสานการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ากับการสื่อสารคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ธุรกิจสามารถบ่มเพาะความไว้วางใจและสร้างความภักดี (Customer Loyalty) จากกลุ่มลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

คุยกับเราทางไลน์

เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลบริษัท

บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

Email: contact@smejump.com

Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

LINE : @smejump

จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ