คนไทยกำลังค้นหาอะไรอยู่ ดูได้ด้วย Google Trends
Google Trends ดูสิ่งที่คนไทย กำลังค้นหาอยู่ได้ง่ายๆ
Google Trends ดูสิ่งที่คนไทย กำลังค้นหาอยู่ได้ง่ายๆ
หากคุณกำลังต้องการดูว่าคนไทยกำลังค้นหาคำว่าอะไรกันอยู่ หรือมีคีย์เวิร์ดอะไรที่กำลังเป็นกระแสนิยมในช่วงเวลานี้บน Google คุณสามารถใช้เครื่องมือฟรี จาก Google เพื่อดูข้อมูลเหล่านี้ได้
ก่อนอื่นเลยคุณควรทำความเข้าใจว่าเหตุใด คุณจึงควรติดตามเทรนด์ ของคำ หรือหัวข้อเหล่านี้ การติดตามเทรนด์ หรือคีย์เวิร์ดที่กำลังมาแรงบน Google Trends ไม่ใช่แค่ทำให้คุณ “รู้ว่าอะไรฮิต” แต่เป็นการเพิ่มโอกาสในการช่วยให้คุณนำข้อมูลเหล่านี้มาช่วยปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน
Google Trends คืออะไร?
คือ เครื่องมือฟรี จาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบเทรนด์การค้นหาของผู้คนในเวลานั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อยอดนิยม คำค้นหาที่กำลังมาแรง หรือเทรนด์ในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ ทั้งสำหรับนักการตลาด ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจ และผู้ที่ต้องการติดตามกระแสสังคมแบบทันเหตุการณ์
วิธีใช้ Google Trends ดูสิ่งที่คนไทย กำลังค้นหาอยู่ได้ง่ายๆ
- เข้าเว็บไซต์ Google Trends
Google Trends - เลือกภูมิภาคประเทศไทย
เมื่อเข้าสู่หน้าแรก ให้เลือก “ประเทศไทย” ในการตั้งค่าภูมิภาค เพื่อดูข้อมูลเทรนด์ที่เฉพาะเจาะจงแค่ประเทศไทย - ดูหัวข้อยอดนิยม (Trending Searches)
- คลิกที่ “ค้นหาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา” จะมีหัวข้อ หรือคำค้นหายอดนิยมที่คนไทยสนใจในแต่ละวัน
- คุณสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อเหล่านั้นได้ เช่น กราฟความสนใจในช่วงเวลาต่างๆ
- ค้นหาด้วยคำเฉพาะ (Custom Search)
พิมพ์คำ หรือหัวข้อที่คุณสนใจลงในช่องค้นหา เช่น “ฟุตบอล” หรือ “Black Friday” เพื่อดูว่าคำเหล่านี้ได้รับความสนใจในไทยมากแค่ไหน - เปรียบเทียบคำค้นหา
Google Trends ยังช่วยให้คุณเปรียบเทียบคำค้นหา 2-5 คำพร้อมกัน เพื่อดูว่าคำใดเป็นที่นิยมมากกว่า
ประโยชน์ของการใช้ Google Trends ดูสิ่งที่คนไทย กำลังค้นหาอยู่
1. เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
Google Trends สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนสนใจอะไรในช่วงเวลานี้ เช่น ความต้องการสินค้า บริการ หรือข้อมูลเฉพาะช่วงเวลา เช่น เทศกาล ช่วงลดราคา หรือข่าวสำคัญต่างๆ
- ตัวอย่าง: ช่วงปีใหม่นี้ คำค้นหาที่เกี่ยวกับ “ของขวัญ” หรือ “เที่ยวต่างจังหวัด” มักเพิ่มสูงขึ้น
2. ปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงตามกระแสนิยม
ข้อมูลเทรนด์คำค้นหานี้ จะช่วยให้คุณเลือกหัวข้อ หรือคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าในปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถทำ SEO หรือ SEM ที่ดึงดูดผู้คนเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น
- ตัวอย่าง: หากเห็นว่าคำค้นหา “Black Friday” กำลังพุ่งสูง การเตรียมโปรโมชั่นพร้อมคอนเทนต์เฉพาะกิจจะช่วยเพิ่มยอดขายได้
3. เพิ่มประสิทธิภาพของ SEO และโฆษณาออนไลน์
การใช้คีย์เวิร์ดที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ ให้ติดอันดับการค้นหาได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลดค่าโฆษณาในการทำ Google Ads หรือ Facebook Ads ได้อีกด้วย เพราะคำค้นหาที่กำลังมาแรงมักมีอัตรา Conversion สูง
- ตัวอย่าง: ธุรกิจร้านอาหารสามารถใช้คำค้นหา “ร้านอาหารใกล้ฉัน” ในช่วงวันหยุดยาว เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า
4. เตรียมตัวรับกระแสก่อนใคร
Google Trends ไม่ได้แสดงเฉพาะสิ่งที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน แต่ยังช่วยคาดการณ์ความนิยมในอนาคต เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมเทรนด์ที่กำลังมา หากคุณสังเกตเทรนด์ย่อยที่กำลังเพิ่มขึ้น คุณสามารถนำเทรนด์เหล่านี้ มาปรับใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบได้
- ตัวอย่าง: หากเห็นคำค้นหาเกี่ยวกับ “AI Marketing” เริ่มเพิ่มขึ้น คุณสามารถเริ่มศึกษา และนำเสนอสินค้ าหรือบริการที่เกี่ยวข้องก่อนคู่แข่งของคุณได้
5. ใช้สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
หัวข้อที่มาจาก Google Trends มีโอกาสสูงที่จะได้ยอดแชร์เยอะ และมียอด Engagement สูง เพราะคนส่วนใหญ่กำลังพูดถึงหัวข้อเหล่านี้ในโซเชียลมีเดีย
- ตัวอย่าง: หาก “ไอเดียคอนเทนต์วันพ่อ” กำลังเป็นที่นิยม คุณสามารถสร้างบทความหรือวิดีโอเกี่ยวกับไอเดียของขวัญวันพ่อเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ค้นหาในช่วงเวลานั้น
6. ประหยัดเวลา และต้นทุน
การใช้ข้อมูลเทรนด์ช่วยให้คุณโฟกัสเฉพาะเรื่องที่เป็นผลลัพธ์จากข้อมูลจริง ลดการเสียเวลาไปกับแคมเปญที่ไม่ตรงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้
Google Trends ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคนไทยกำลังค้นหาอะไรอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสร้างสรรค์เนื้อหาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่การตลาด การสร้างคอนเทนต์ และการขยายธุรกิจของคุณ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคตามสมัย
ซึ่งการที่ตามเทรนด์การค้นหานี้ ช่วยได้มากทั้งในการทำการตลาดออนไลน์ หรือการทำโฆษณา Google Ads ให้คุณรู้ว่าได้ควรใช้คีย์เวิร์ด หรือหัวข้อใดบ้าง แน่นอนคุณต้องใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ก่อนลงมือทำ แต่หากคุณไม่อยากเสียเวลาในส่วนนี้ คุณสามารถจ้าง บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing และ บริการรับทำโฆษณา Google Ads โดยทีมงานมืออาชีพที่ดูแลคุณอย่างใสใจ่ จาก SME jump ได้ ปรึกษาฟรีได้แล้ว วันนี้!
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ