Google Ads มีกี่ประเภท

Google Ads มีโฆษณาหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เช่น Display Ads, Video Ads, Shopping Ads, และ App Promotion

Google Ads มีกี่ประเภท: โฆษณาหลากรูปแบบที่หลายคนยังไม่รู้

คำถามที่ถูกถามบ่อยคือ Google Ads มีกี่ประเภท โฆษณา Google Ads มี 5 ประเภทหลัก ระบบ Google Ads เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่ธุรกิจไทยส่วนใหญ่นิยมใช้ โดยหลายคนมักคุ้นเคยกับการทำโฆษณาบน Google Search เพียงอย่างเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริง Google Ads มีโฆษณาหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เช่น Display Ads, Video Ads, Shopping Ads, และ App Promotion ซึ่งสามารถตอบโจทย์การตลาดที่แตกต่างกันออกไป เช่น การสร้างการรับรู้แบรนด์ด้วย Display Ads การกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าผ่าน Shopping Ads หรือการโปรโมทแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานด้วย App Promotion Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้โฆษณาได้ตรงกับเป้าหมายและความต้องการ

Google Ads ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายการโฆษณาเพิ่มเติมนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม Facebook Ads   SMEJUMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ เราขอนำเสนอบทความเพื่อพาคุณไปทำความรู้จักกับประเภทของ Google Ads ที่หลากหลาย พร้อมทั้งการเปรียบเทียบระหว่าง Google Ads และ Facebook Ads รวมถึงพูดถึงโฆษณารูปแบบใหม่อย่าง Performance Max และ Demand Gen


1. Search Ads: โฆษณาในผลการค้นหา

รายละเอียด: Search Ads คือโฆษณาที่แสดงบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา (Search Engine Results Page – SERP) เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับคำหลัก (Keywords) ที่ตั้งค่าไว้ในแคมเปญ โฆษณารูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากในหมู่ธุรกิจไทย

โดยเฉพาะผู้ที่มองหาทางเลือกในการโปรโมทสินค้าหรือบริการที่สามารถแสดงผลได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเวลานานในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติด SEO ในเชิงเทคนิค โฆษณาแบบ Search Ads มักถูกเรียกว่า SEM (Search Engine Marketing) ซึ่งเป็นวิธีการตลาดที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นและผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

เหตุผลเพราะว่าการใช้กลยุทธ์การเลือกคำหลัก (Keywords) ที่ตรงเป้าหมาย และการปรับแต่งแคมเปญให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า เช่น การตั้งค่าช่วงเวลาโฆษณา (Ad Scheduling) หรือการปรับงบประมาณตามผลลัพธ์ (Bid Adjustment) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการโฆษณา

จุดเด่นของ Search Ads:

  • เข้าถึงผู้ใช้ที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการโดยตรง เนื่องจากการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ซึ่งมักเป็นคำที่ลูกค้ากำลังค้นหาเพื่อหาข้อมูลและตัดสินใจซื้อ
  • ช่วยเพิ่มการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ (Click-through Rate – CTR) สูง ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 7 – 10% ซึ่งเป็นอัตราการคลิกที่สูงเมื่อเทียบกับโฆษณาออนไลน์รูปแบบอื่นๆ (ข้อมูลจาก Google Ads Benchmark Report 2023)
  • การติดตามและวัดผลง่ายผ่าน Conversion Tracking ซึ่งสามารถระบุผลลัพธ์ได้ชัดเจนในสิ่งที่คุณต้องการ เช่น การสั่งซื้อสินค้า การคลิกปุ่มไลน์ หรือการกรอกข้อมูลลงทะเบียน ทั้งหมดนี้สามารถวัดผลผ่านกระบวนการติดตามผลลัพธ์ที่เรียกว่าคอนเวอร์ชั่น (Conversion) ซึ่งช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของความสำเร็จในการโฆษณาได้อย่างชัดเจน

Search Ads เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือติดต่อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น ร้านค้าออนไลน์ บริษัทให้บริการเฉพาะด้าน และผู้ให้บริการในพื้นที่


2. Display Ads: โฆษณาในเครือข่ายเว็บไซต์

รายละเอียด: Display Ads คือโฆษณาภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ในเครือข่าย Google Display Network (GDN) Google ได้ร่วมมือกับเว็บไซต์พันธมิตรยอดนิยมทั่วโลก โดยเว็บไซต์เหล่านี้อยู่ในเครือข่าย Google Display Network (GDN) ซึ่งครอบคลุมเว็บไซต์หลายประเภท เช่น เว็บไซต์ข่าวสาร บล็อกเฉพาะด้าน และแพลตฟอร์มเนื้อหายอดนิยม การทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถแสดงโฆษณาบนพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการสร้างการรับรู้แบรนด์หรือการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นคุณสามารถแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์พันธมิตรเหล่านี้ได้โดยง่าย การทำโฆษณาผ่าน GDN ช่วยให้โฆษณาแสดงผลในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ Display Ads:

  • แสดงโฆษณาด้วยรูปแบบภาพ ช่วยดึงดูดความสนใจ และสร้างภาพลักษณ์ให้จดจำ
  • เข้าถึงผู้ชมได้กว้างมากกว่า 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยสามารถแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์พันธมิตรทั่วโลก รวมถึงเว็บไซต์พันธมิตรในประเทศไทย เช่น Sanook, Kapook, MThai, Thairath และ Pantip ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและเหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง
  • เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) โดยสื่อสารผ่านภาพโฆษณาที่โดดเด่น ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ และเพิ่มการจดจำแบรนด์ในระยะยาว

Display Ads เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ในตลาดใหม่ หรือเพิ่มการจดจำแบรนด์ เช่น ธุรกิจแฟชั่นและสินค้าอุปโภคบริโภค


3. Video Ads: โฆษณาวิดีโอบน YouTube

รายละเอียด: Video Ads คือโฆษณาวิดีโอที่แสดงบน YouTube หรือเครือข่ายของ Google โดยมีรูปแบบหลากหลาย เช่น TrueView In-Stream, Bumper Ads, และ Outstream Ads นอกจากนี้ คุณยังสามารถแสดงโฆษณาในช่อง YouTube ยอดนิยมของไทยได้ โดยโฆษณาจะปรากฏในรูปแบบวิดีโอที่แทรกอยู่ระหว่างการเล่นวิดีโอ ทั้งในรูปแบบที่ผู้ชมสามารถกดข้ามได้ หรือในรูปแบบที่ไม่สามารถกดข้ามได้ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ Video Ads:

  • สื่อสารด้วยคอนเทนต์วิดีโอได้ทั้งในรูปแบบวิดีโอสั้นและยาว ช่วยทำให้ข้อมูลเข้าใจง่ายและน่าสนใจ นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงโฆษณาในช่อง YouTube ยอดนิยมของไทย เช่น WorkpointOfficial, GMMTV, ThaiPBS, JSLGlobalMedia และ BieTheSka โดยโฆษณาจะปรากฏในรูปแบบที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
  • สร้างอารมณ์ร่วมและความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับแบรนด์
  • เหมาะสำหรับการสื่อสารข้อความซับซ้อนหรือเน้นอารมณ์

Video Ads เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่ต้องการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ชม เช่น แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ ธุรกิจบันเทิง หรืออุตสาหกรรมยานยนต์


4. Shopping Ads: โฆษณาสำหรับร้านค้าออนไลน์

รายละเอียด: Shopping Ads คือโฆษณาที่แสดงข้อมูลสินค้า รูปภาพ ราคา และชื่อร้านค้าในหน้า SERP หรือ Google Shopping โดยโฆษณารูปแบบนี้จะปรากฏด้านบนของหน้า Google Search พร้อมรูปภาพสินค้าที่สวยงามและข้อมูลรายละเอียดที่ครบถ้วน เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา จะนำไปยังเว็บไซต์ e-commerce ของร้านค้าโดยตรง ทำให้ผู้ชมสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็ว

จุดเด่นของ Shopping Ads:

  • เพิ่มการมองเห็นสินค้าด้วยรูปภาพที่สอดคล้องกับคำค้นหา พร้อมข้อมูลเบื้องต้นและราคาสินค้า ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าในทันที
  • ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติได้ทันที
  • CTR สูงและ Conversion Rate ดี เนื่องจากโฆษณาแสดงด้วยรูปภาพสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ค้นหา จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดความสนใจและนำไปสู่การคลิกหรือการซื้อที่มากกว่าโฆษณารูปแบบอื่นๆ

Shopping Ads เหมาะกับใคร: ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายสินค้าและดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง ผู้ที่สามารถลงโฆษณารูปแบบนี้ได้จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ที่มีระบบ e-commerce ตะกร้าเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถรองรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวกและครบวงจร


5. App Promotion: โฆษณาสำหรับโปรโมทแอปพลิเคชัน

รายละเอียด: App Promotion Ads ช่วยโปรโมทแอปบน Google Play, App Store, YouTube หรือในแอปอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการดาวน์โหลดและการใช้งาน สำหรับผู้ที่มีแอปพลิเคชัน คุณสามารถใช้โฆษณาเพื่อโปรโมทแอปให้เป็นที่รู้จักในหลากหลายช่องทางของ Google โดยโฆษณาจะแสดงทั้งบน Search, เว็บไซต์, YouTube และในแอปอื่น ๆ ซึ่งช่วยดึงดูดผู้สนใจให้เข้ามาดาวน์โหลดหรือลงมือใช้งานแอปของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ App Promotion:

  • เพิ่มจำนวนการติดตั้งแอปอย่างรวดเร็ว
  • ติดตามผลการดาวน์โหลดและการใช้งานในแอปได้
  • เข้าถึงผู้ใช้ผ่านช่องทางหลากหลาย

App Promotion เหมาะกับใคร: นักพัฒนาแอปและธุรกิจที่ต้องการเพิ่มผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น แอปส่งอาหารหรือแอปเกม


การเปรียบเทียบ Google Ads vs Facebook Ads

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการยิงแอด Facebook ตารางด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง Google Ads และ Facebook Ads เพื่อช่วยให้คุณสามารถมองเห็นทางเลือกเพิ่มเติมในการโฆษณาที่อาจนำมาใช้เสริมการยิงแอดที่คุณทำอยู่ นอกจากนี้ ยังเป็นแนวทางในการเลือกใช้งานรูปแบบโฆษณาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการ

หัวข้อ Google Ads Facebook Ads
วัตถุประสงค์ เน้นการเข้าถึงผู้ที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการ เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามไลฟ์สไตล์และความสนใจ
รูปแบบโฆษณา Search, Display, Video, Shopping, App Image, Video, Carousel, Collection
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คำค้นหาและพฤติกรรมการค้นหา เช่น Affinity, Search Intent, In-Market Audience ความสนใจ, ข้อมูลประชากร, พฤติกรรม
จุดแข็ง วัดผลได้ชัดเจน ใช้คำค้นหาที่ตั้งใจซื้อ สร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมสูง
เหมาะกับธุรกิจ ธุรกิจที่เน้น Conversion และยอดขาย ธุรกิจที่เน้น Brand Awareness หรือ การส่งข้อความในกล่องข้อความ

รูปแบบโฆษณาใหม่: Performance Max และ Demand Gen

นอกจากโฆษณารูปแบบสำคัญต่างๆ ใน Google Ads ที่นำเสนอข้างต้น ยังมีโฆษณาอีก 2 รูปแบบที่ Google Ads พยายามแนะนำให้ผู้ทำโฆษณาเลือกใช้ ได้แก่ Performance Max และ Demand Gen ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยเน้นการใช้ AI ในการประมวลผลและส่งโฆษณา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สูงขึ้น พร้อมลดเวลาในการบริหารจัดการแคมเปญโฆษณา

Performance Max

Performance Max เป็นแคมเปญอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาผ่านทุกช่องทางของ Google เช่น Search, Display, YouTube, Gmail และ Discover Ads โฆษณารูปแบบนี้เน้นผลลัพธ์คอนเวอร์ชั่น ดังนั้นการทำโฆษณาควรส่งไปที่เว็บไซต์ และทำการวาง Conversion Tracking ให้เรียบร้อย เพื่อให้สามารถวัดผลและปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างแม่นยำ

จุดเด่นของ Performance Max:

  • ใช้ AI ในการกำหนดกลยุทธ์โฆษณา
  • เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าทุกที่
  • วัดผลได้แบบรวมทุกช่องทาง และเน้นไปที่การสร้างคอนเวอร์ชั่น

Demand Gen

Demand Gen เป็นโฆษณาที่มุ่งเน้นการสร้างความต้องการในกลุ่มเป้าหมายผ่านการแสดงผลบน YouTube, Gmail และ Discover Ads โฆษณารูปแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับ Performance Max แต่จะเน้นการแสดงผลในตำแหน่งที่พรีเมี่ยมกว่า เช่น Discover บนหน้าฟีด Google Search โดยสามารถปรับแต่งให้เน้นได้ทั้งจำนวนคลิกหรือจำนวนคอนเวอร์ชั่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่ตรงตามวัตถุประสงค์

จุดเด่น Demand Gen:

  • เน้นการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายใหม่
  • เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างฐานลูกค้า
  • โฆษณานี้ให้คุณสามารถตั้งวัตถุประสงค์ได้อย่างยืดหยุ่น โดยเลือกได้ทั้งการเพิ่มจำนวนคลิกเพื่อดึงดูดผู้ชม หรือการเพิ่มจำนวนคอนเวอร์ชั่นเพื่อผลลัพธ์ที่จับต้องได้ตามเป้าหมายธุรกิจ

สรุป: Google Ads มีกี่ประเภท

การที่ได้ทราบว่า Google Ads มีโฆษณาหลากหลายรูปแบบนอกเหนือจาก Search Ads ช่วยให้คุณเห็นทางเลือกใหม่ๆ ในการโปรโมทธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจากโฆษณารูปแบบเดิมๆ ที่คุณอาจใช้อยู่ เช่น Facebook Ads นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณเข้าถึงวัตถุประสงค์เฉพาะของแต่ละรูปแบบโฆษณาได้อย่างชัดเจน และสามารถเลือกใช้งานให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เกี่ยวกับ SMEJUMP

เราเป็นเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์ที่เชี่ยวชาญด้านการยิงแอดโฆษณาและการวางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ด้วยทีมงานมืออาชีพและประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เราได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก Premier Google Partner ของประเทศไทย เราพร้อมช่วยคุณสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจในทุกช่องทางออนไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ