ไอเดียทำวิดีโอ Facebook

สำหรับธุรกิจ เพิ่มยอดขายได้จริง

ไอเดียทำวิดีโอ Facebook สำหรับธุรกิจ: เพิ่มยอดขายได้จริง

SMEJUMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ พวกเราขอนำเสนอบทความ ไอเดียทำวิดีโอ Facebook สำหรับธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ในการสร้างวิดีโอ Facebook ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้วิดีโอบนแพลตฟอร์ม Facebook เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการดึงดูดความสนใจของลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มยอดขายได้จริง เนื่องจากผู้ใช้งาน Facebook ส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันกับการเลื่อนดูฟีดข่าว ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีสมาธิที่สั้นลง เพราะมีคอนเทนต์มหาศาลเข้ามาดึงดูดความสนใจของพวกเขา คอนเทนต์ที่ดึงดูดผู้บริโภคได้ดีที่สุดในช่วงเวลาสั้นๆ มักเป็นคอนเทนต์ที่มีภาพเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ใช้สีสันสดใส และข้อความที่กระชับและชัดเจน เช่น วิดีโอแบบ How-to ที่อธิบายขั้นตอนง่ายๆ ใน 15 วินาที หรือคอนเทนต์ที่สร้างความประหลาดใจ เช่น การเผยเทคนิคหรือข้อมูลที่ผู้ชมไม่เคยรู้มาก่อน

ดังนั้นการทำวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจในช่วงเวลาสั้นๆ จึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีจากการโฆษณา วิดีโอสั้นยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการนำเสนอข้อมูลและสร้างความจดจำแบรนด์ให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เข้าใจธรรมชาติของวิดีโอบน Facebook

เป้าหมายของการสร้างวิดีโอบน Facebook คือ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชม และสร้างฐานผู้ติดตาม โดยนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่จดจำในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของวิดีโอบน Facebook และพฤติกรรมของผู้ชมบนแพลตฟอร์มนี้

  1. Facebook คิดเงินค่าโฆษณาเมื่อวิดีโอแสดงได้ 3 วินาที
    • ในกรณีที่คุณยิงแอดด้วยวิดีโอบน Facebook ผู้โฆษณาจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อวิดีโอได้รับการรับชมครบ 3 วินาทีแรก ซึ่งหมายความว่า 3 วินาทีแรกของวิดีโอนั้นต้องมีความน่าสนใจมากพอที่จะดึงดูดให้ผู้ชมไม่เลื่อนผ่านไป ดังนั้นคอนเทนต์วิดีโอบน Facebook จะต้องเน้นไปที่ช่วงแรกของการแสดงวิดีโอ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม และนำเสนอข้อมูลที่ต้องการให้ครบถ้วน
  2. ค่าเฉลี่ยของการไถฟีดบนมือถืออยู่ที่ประมาณ 1.7 วินาทีต่อโพสต์
    • ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เป็นจังหวะที่สำคัญ คุณต้องทำให้วิดีโอของคุณสะดุดตาผู้ใช้งานทันทีตั้งแต่เฟรมแรก นอกจากการทำคอนเทนต์ในช่วงแรกดึงดูดความสนใจแล้ว คุณควรทำภาพหน้าปกของวิดีโอเพื่อแสดงให้ผู้ชมทราบว่าเกี่ยวกับวิดีโอ โดยใช้คำพาดหัวที่กระชับ กระตุ้นอารมณ์ เพื่อหยุดการไถฟีดให้ได้
  3. วิดีโอบน Facebook กว่า 98% แสดงผลแบบ Autoplay
    • วิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้งานเลื่อนผ่าน ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงเนื้อหา ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าช่วงต้นของวิดีโอมีโอกาสมากที่สุดที่ผู้ชมจะเห็นและรับข้อมูล
  4. วิดีโอที่แสดง Autoplay ไม่มีเสียงจนกว่าผู้ชมจะเปิดเสียงเอง
    • การใช้ข้อความหรือภาพที่เข้าใจง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสาร ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า คุณควรเพิ่มข้อความ และภาพแทรกในวิดีโอ เพื่อนำเสนอข้อมูลได้เข้าใจง่าย แม้แต่การปิดเสียง

เคล็ดลับการทำวิดีโอให้โดดเด่นบน Facebook

1. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำใน 15 วินาที

วิดีโอที่มีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องยาวมาก การทำวิดีโอที่ยาวประมาณ 15 วินาทีจะช่วยให้เนื้อหากระชับและไม่เสียเวลาของผู้ชม คุณควรเน้นการสร้าง Brand Awareness ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เช่น การใส่โลโก้หรือชื่อแบรนด์ในเฟรมแรกของวิดีโอ โดยรูปแบบวิดีโอควรเน้นการทำวิดีโอแนวตั้ง หรือ วิดีโอที่มีกรอบเพื่อแสดงข้อความ จะช่วยให้ผู้ชมจดจำข้อมูลที่คุณต้องการนำเสนอได้มากขึ้น

2. ดึงดูดความสนใจใน 3 วินาทีแรก

  • ใช้ภาพที่มีสีสันสดใสหรือการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เช่น การซูมหรือการเคลื่อนกล้อง
  • ใส่คำโปรยหรือข้อความที่กระตุ้นความอยากรู้ หรือความประหลาดใจ เช่น “สิ่งที่ยิงแอดกว่า 90% ไม่รู้” หรือ “เปลี่ยนชีวิตคุณได้ใน 60 นาที”

3. ใช้ข้อความสื่อสารที่เข้าใจง่าย

เนื่องจากวิดีโอ Autoplay มักไม่มีเสียง การเพิ่มข้อความสั้นๆ เพื่ออธิบายเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจแม้ไม่ได้เปิดเสียง การปรับขนาดของวิดีโอและเพิ่มกรอบในตัววิดีโอ เพื่อสร้างพื้นที่ในการเขียนข้อความพาดหัว และการเพิ่มภาพหน้าปกวิดีโอ เป็นวิธีบอกผู้ชมว่าวิดีโอมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

4. ทดลองใช้แอปพลิเคชันสร้างสรรค์ เช่น Boomerang

Boomerang จาก Instagram เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยสร้างวิดีโอเคลื่อนไหวสั้นๆ ที่เล่นวนซ้ำอย่างต่อเนื่อง ฟีเจอร์เด่นของ Boomerang คือความสามารถในการจับภาพเคลื่อนไหวที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวาในไม่กี่วินาที เหมาะสำหรับการสร้างวิดีโอที่ดูเรียบง่ายแต่ดึงดูดใจ เช่น การเฉลิมฉลอง การเปิดตัวสินค้า หรือช่วงเวลาพิเศษที่ต้องการแชร์กับผู้ชม นอกจากนี้ยังใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ทำให้เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักการตลาดมืออาชีพ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าภาพนิ่งและทำให้ผู้ชมสนุกกับเนื้อหา นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันยอดนิยมอื่นๆ เช่น TikTok ที่ช่วยสร้างวิดีโอสั้นพร้อมเอฟเฟกต์สร้างสรรค์ หรือ Canva ที่ช่วยทำวิดีโอแบบมืออาชีพโดยใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ของตนเอง

แนวทางการสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดใจ

1. บอกเล่าเรื่องราว (Storytelling)

Storytelling คือการนำเสนอเรื่องราวที่มีความหมายหรือเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้ชม ตัวอย่างเช่น การเล่าเรื่องความสำเร็จของลูกค้าที่เคยใช้บริการของคุณ การบอกเล่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์ หรือการนำเสนอเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น การเล่าเหตุการณ์ที่แบรนด์มีส่วนช่วยเหลือสังคม

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Storytelling ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ชมผ่านเรื่องราวในชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์ที่ผู้ชมสามารถเกี่ยวข้องได้ เช่น เรื่องราวที่สะท้อนความท้าทายในชีวิตและวิธีที่แบรนด์ของคุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์

ตัวอย่างเช่น

  • คุณอาจเล่าเรื่องความสำเร็จของลูกค้าที่ใช้สินค้าของคุณ เช่น “คุณจารุณี ใช้บริการของเราและเพิ่มยอดขายได้ 200% ภายใน 3 เดือน”
  • เล่าเรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตสินค้าที่สะท้อนถึงความตั้งใจและคุณภาพ เช่น “กระบวนการผลิตที่ใส่ใจ ตัวเจ้าของธุรกิจลงมาดูแลเองทุกรายละเอียดเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า” วิธีนี้จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีความน่าสนใจและน่าจดจำมากขึ้น

2. เน้นคุณค่าและประโยชน์

แทนที่จะเน้นแต่การขายสินค้า ให้แสดงถึงคุณค่าหรือประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น ความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา หรือคุณภาพที่ดีกว่า ผู้ชมสนใจเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับตัวเอง และครอบครัว ดังนั้นเนื้อหาในวิดีโอไม่ควรพูดถึงแบรนด์ หรือโฆษณาสินค้ามากเกินไป

3. ใช้การเปรียบเทียบ

การเปรียบเทียบก่อน-หลัง (Before-After) หรือระหว่างสินค้าและบริการของคุณกับคู่แข่งสามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้ดี คอนเทนต์ที่สามารถทำให้ลูกค้าจำต้องได้มากขึ้น เพราะลูกค้ามีความเชื่อในโฆษณาจากแบรนด์โดยตรงน้อยลง พวกเขาต้องการคอนเทนต์จากคนรอบข้าง หรือสถาบันที่น่าเชื่อถือ การสร้างคอนเทนต์แนว Before-After เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

4. เพิ่มองค์ประกอบความบันเทิง

การใส่ความสนุกสนาน เช่น การใช้มุกตลกหรือการแสดงออกที่แปลกใหม่ จะช่วยให้วิดีโอน่าจดจำและมีโอกาสถูกแชร์ต่อ คอนเทนต์แนวนี้เหมาะมากสำหรับวิดีโอในรูปแบบ Reels ซึ่งผู้ชมต้องการความบันเทิงในการรับชม การเพิ่มความสนุกสนาน และแฝงด้วยเรื่องธุรกิจ เป็นเทคนิคที่นักการตลาดนิยมใช้ในการนำเสนอวิดีโอบน Facebook

การประเมินผลและปรับปรุง

การสร้างวิดีโอที่ดึงดูดใจไม่สามารถสำเร็จได้ในครั้งเดียว คุณต้องติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแต่ละวิดีโอ ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาการทำวิดีโอของคุณได้อย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราการรับชม (View Rate), อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate), อัตราการคลิก (Click Through Rate) เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงให้ดีขึ้นในครั้งถัดไป

นอกจากนี้คุณอาจจะหาไอเดียใหม่ๆในการทำวิดีโอ โดยศึกษาแนวการทำวิดีโอในแพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok และ YouTube Shorts เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำวิดีโอบน Facebook

ตัวอย่างไอเดียวิดีโอ

  1. รีวิวสินค้า
    • ให้ลูกค้ารีวิวสินค้าในวิดีโอสั้นๆ พร้อมภาพการใช้งานจริง
  2. วิดีโอสอนวิธีใช้
    • แสดงขั้นตอนการใช้สินค้าอย่างง่ายๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ
  3. โปรโมชั่นพิเศษ
    • ใช้วิดีโอเพื่อโปรโมทส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษโดยใส่คำว่า “จำกัดเวลา” หรือ “จำกัดจำนวน” เพื่อกระตุ้นความสนใจ
  4. Before-After
    • สร้างวิดีโอเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงก่อน-หลังการใช้สินค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ วิดีโอแนวนี้มักนิยมใช้ในธุรกิจอาหารเสริม และเสริมความงาม
  5. Tips & Tricks
    • แบ่งปันเคล็ดลับหรือคำแนะนำในการใช้สินค้าในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้ผู้ชมได้รับประโยชน์ทันที วิดีโอแนวนี้เหมาะกับธุรกิจบริการเพื่อแสดงความเชี่ยวชาญ และนำเสนอวิธีแก้ปัญหาให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  6. Challenge
    • สร้างกิจกรรมหรือความท้าทายที่ผู้ชมสามารถเข้าร่วม เช่น การใช้สินค้าของคุณในสถานการณ์ต่างๆ เป็นวิดีโอเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม และสร้างไวรัลให้กับวิดีโอ
  7. Behind the Scenes
    • แสดงเบื้องหลังการทำงานของธุรกิจ เช่น กระบวนการผลิตหรือการจัดส่ง เพื่อสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจ วิดีโอแนวนี้เป็นการแฝงความเป็นมืออาชีพ และความจริงใจในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
  8. User-Generated Content (UGC)
    • นำวิดีโอที่ลูกค้าทำเองมาใช้เป็นคอนเทนต์ เช่น รีวิวหรือคำแนะนำ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  9. Inspirational Story
    • เล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือสินค้า เช่น เรื่องของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จหลังใช้บริการ
  10. Quick Product Demo
    • สาธิตการใช้งานสินค้าหรือบริการในเวลาไม่เกิน 1 นาที เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจคุณค่าได้อย่างรวดเร็ว

สรุป:ไอเดียทำวิดีโอ Facebook

การทำวิดีโอในยุคดิจิทัลจำเป็นต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับแพลตฟอร์มและพฤติกรรมของผู้ชมในแต่ละแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น บน Facebook ผู้ชมมักต้องการเนื้อหาที่กระชับและดึงดูดในช่วงแรก ในขณะที่บน TikTok ความสร้างสรรค์และความสนุกสนานมีบทบาทสำคัญ

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น การใช้วิดีโอแนวตั้งสำหรับมือถือ หรือการสร้างเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาหรือเทศกาลเฉพาะ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้วิดีโอน่าสนใจยิ่งขึ้น ผู้สร้างวิดีโอต้องเรียนรู้และพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยติดตามเทรนด์คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลาต่างๆ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI Video Maker มาช่วยในการสร้างสรรค์วิดีโอที่น่าสนใจและตอบโจทย์ผู้ชม

สิ่งที่ลืมไม่ได้ การใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้อง เช่น การดึงดูดความสนใจในช่วงแรก การสื่อสารอย่างชัดเจน และการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างความประทับใจและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เกี่ยวกับ SMEJUMP

เราเป็นเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์ที่เชี่ยวชาญด้านการยิงแอดโฆษณาและการวางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ด้วยทีมงานมืออาชีพและประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เราได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก Premier Google Partner ของประเทศไทย เราพร้อมช่วยคุณสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจในทุกช่องทางออนไลน์

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ

    Click here to add your own text