จับตามอง การตลาดในยุคดิจิทัล

การตลาดในยุคดิจิทัล แบบไหนที่เหมาะกับผู้บริโภคไทย

การตลาดในยุคดิจิทัล

การตลาดในยุคดิจิทัล

การตลาดในยุคดิจิทัลเป็นเรื่องที่มีความหลากหลายและซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์และธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคได้ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

อีกทั้งการตลาดในประเทศไทยปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลและเทรนด์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นใหม่ หรือธุรกิจที่ทำมาอย่างยาวนานต่างก็ต้องปรับตัว เพื่อทำการตลาดที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้

กลยุทธ์การตลาดในยุคดิจิทัล ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยปัจจุบัน

  1. โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลัก

    คนไทยกว่า 75% ใช้โซเชียลมีเดีย การตลาดผ่าน Facebook, Instagram, TikTok ที่เน้นวิดีโอสั้นจึงมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้บริโภคใช้เวลาเฉลี่ยถึง 3 ชั่วโมงต่อวันบนโซเชียลมีเดีย ทำให้คอนเทนต์ที่เข้าถึงง่ายและน่าดึงดูดตอบโจทย์พฤติกรรมของคนไทย

    • รูปแบบการตลาด: ใช้การตลาดเนื้อหา (Content Marketing) โดยเน้นโพสต์ที่เป็นวิดีโอสั้น เช่น Reels บน Facebook และ Instagram, หรือคลิปสนุก ๆ บน TikTok ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบคอนเทนต์ดูง่าย น่าดึงดูด และเข้าถึงได้เร็ว
    • วิธีการสร้างคอนเทนต์: เน้นการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ให้ความบันเทิง หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและการแชร์คอนเทนต์ในวงกว้าง
  2. การขายผ่านแอปแชท (Chat Commerce)

    คนไทยกว่า 54 ล้านคนใช้ LINE จึงเหมาะกับการตลาดแบบแชทที่ให้ความสะดวกและรวดเร็ว เช่น LINE MyShop และแชทบอท ซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อขายของคนไทยในยุคดิจิทัล

    • รูปแบบการตลาด: ใช้การสนทนาเชิงพาณิชย์ (Conversational Commerce) ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง LINE Official Account โดยนำเสนอสินค้าและบริการผ่านแชทสดหรือบอทอัตโนมัติ
    • ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ: ใช้ LINE MyShop สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่สามารถส่งลิงก์สินค้าให้ลูกค้ากดซื้อทันที ทำให้การสื่อสารกับลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตอบคำถามหรือเสนอสินค้าตามความสนใจของลูกค้าแบบเรียลไทม์ สร้างประสบการณ์การซื้อที่สะดวกและน่าประทับใจ
  3. Influencer Marketing

    คนไทยมักเชื่อถือคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์มากกว่าจากโฆษณาทั่วไป การใช้ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะจึงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด

    • รูปแบบการตลาด: ใช้ไมโครและมาโครอินฟลูเอนเซอร์ (Micro และ Macro Influencers) โดยเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น ไมโครอินฟลูเอนเซอร์สำหรับกลุ่มผู้ติดตามเฉพาะด้านที่ต้องการการรับรู้และความน่าเชื่อถือ และมาโครอินฟลูเอนเซอร์สำหรับการเข้าถึงกลุ่มคนหมู่มาก
    • กลยุทธ์การทำงานร่วมกัน: สามารถออกแบบให้เป็นการรีวิวสินค้า การใช้งานจริง หรือการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ โดยเน้นความเป็นธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความไว้วางใจจากผู้ติดตาม
  4. อีคอมเมิร์ซและโปรโมชั่น

    ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตต่อเนื่อง 31% ต่อปี การใช้โปรโมชั่นบน Shopee และ Lazada เช่น Flash Sale หรือคูปองลดราคา สามารถกระตุ้นการซื้อได้ทันที ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคไทย

    • รูปแบบการตลาด: ใช้โปรโมชั่นพิเศษ (Special Promotions) ในอีคอมเมิร์ซ เช่น Flash Sale, คูปองส่วนลด หรือการจัดโปรโมชันตามเทศกาลบนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada
    • กลยุทธ์ที่นิยม: การตั้งแคมเปญ “ลดทั้งร้าน” หรือ “โปรโมชั่นรายเดือน” ดึงดูดลูกค้าด้วยคูปองลดราคาแบบจำกัดจำนวน หรือการจัดกิจกรรมร่วมสนุกเพื่อชิงรางวัลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการซื้ออย่างรวดเร็วและสร้างความคุ้มค่าในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์
  5. การตลาดขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing)

    การวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าทำให้แบรนด์สร้างแคมเปญที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ลดต้นทุนโฆษณาแต่เพิ่มประสิทธิภาพ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจึงมีความสำคัญและเหมาะสมกับตลาดไทย

    • รูปแบบการตลาด: ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจาก CRM และเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรม เช่น Google Analytics, Facebook Insights เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงแคมเปญการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
    • แนวทางการนำไปใช้: จัดทำโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การแสดงโฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมการค้นหาหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย (Personalized Ads) ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และลดการสิ้นเปลืองงบประมาณในการโฆษณา
  6. ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

    ผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและเจนซี ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน แบรนด์ที่สื่อสารถึงความยั่งยืนจึงได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากผู้บริโภคมากขึ้น

    • รูปแบบการตลาด: ใช้การสื่อสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Marketing) และแคมเปญ CSR (Corporate Social Responsibility) เพื่อแสดงจุดยืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือการลดการปล่อยคาร์บอน
    • การสื่อสารกับลูกค้า: สร้างเนื้อหาที่เน้นไปที่เรื่องราวการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีผ่านการใช้งานสินค้าของแบรนด์ เช่น แคมเปญรีไซเคิล การรณรงค์ลดใช้พลาสติก หรือการแสดงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมในผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในความยั่งยืนผ่านการเลือกใช้สินค้าของแบรนด์
  7. วิดีโอคอนเทนต์และการไลฟ์สด

    คนไทยชอบการรับชมวิดีโอแบบโต้ตอบ เช่น การไลฟ์สดบน Facebook หรือ TikTok ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารถึงคุณภาพสินค้าและปิดการขายได้ทันที เพิ่มโอกาสในการขายและความไว้วางใจของลูกค้าได้ดีกว่าโฆษณาแบบทั่วไป

    • รูปแบบการตลาด: ใช้คอนเทนต์วิดีโอสั้นและการไลฟ์สด (Live Streaming) บนแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคชื่นชอบ เช่น Facebook Live, TikTok Live ซึ่งเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมแบบเรียลไทม์
    • กลยุทธ์การนำเสนอ: การรีวิวสินค้าแบบสดพร้อมแจ้งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ชมไลฟ์ หรือกิจกรรมการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานสินค้าแบบสด ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความไว้วางใจ โดยสามารถโต้ตอบและตอบคำถามได้ทันที ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

ปัจจุบันการตลาดในยุคดิจิทัล จึงเป็นการผสมผสานหลากหลายกลยุทธ์เข้าด้วยกัน โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ มีส่วนร่วม และเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ จะเห็นได้ว่าธุรกิจใหม่ๆ มักเริ่มต้นด้วยการทำการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ แบรนด์หรือธุรกิจ ต้องมีการพัฒนา และปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับการตลาดให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

คุยกับเราทางไลน์

เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลบริษัท

บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

Email: contact@smejump.com

Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

LINE : @smejump

จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ