มีเรื่องอะไรบ้างที่เป็น ปัญหาที่พบบ่อยของ Google Ads

ปัญหาที่พบบ่อยของ Google Ads ที่คนทำโฆษณา Google ควรรู้

ปัญหาที่พบบ่อยของ Google Ads : ข้อผิดพลาด และวิธีแก้ไข

จากประสบการณ์ในการทำงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณา  และรับทำโฆษณา Google Ads ผู้เขียนได้พบว่าการใช้งาน Google Ads เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง ซึ่งช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผลักดันยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน มักจะพบกับข้อผิดพลาดที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของโฆษณาลดลง บทความนี้จะสรุปปัญหาที่พบได้บ่อยและแนะนำวิธีแก้ไขเพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงการทำแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางสำหรับการทำ Search Ads ในระดับที่สูงขึ้นไป

6 ปัญหาที่พบบ่อยของ Google Ads

1. การเลือกใช้ Display Network คู่กับ Search Network

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือการตั้งค่าแคมเปญให้แสดงผลทั้งบน Search Network และ Display Network พร้อมกัน แม้ว่าการทำเช่นนี้อาจดูเหมือนช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้ชม แต่แท้จริงแล้วทำให้การกระจายงบประมาณไม่ตรงกับเป้าหมายของแคมเปญ การแยกแคมเปญกันจะช่วยให้สามารถควบคุมงบประมาณได้ดียิ่งขึ้น คำแนะนำ: หากคุณต้องการทำ GDN หรือ Google Display Network ควรแยกออกจากแคมเปญ Search Ads ซึ่งจะช่วยบังคับให้โฆษณา Search Ads ของคุณแสดงผลได้อย่างเต็มที่ตามงบที่กำหนด และทำให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีแก้ปัญหา Google Ads:

– แยกแคมเปญระหว่าง Search และ Display Network เพื่อให้สามารถจัดการงบประมาณและปรับปรุงเนื้อหาโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น
– ตรวจสอบการตั้งค่าแคมเปญอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเลือกเครือข่ายผิดพลาด โดยเข้าไปที่การตั้งค่าแคมเปญ และเลือกเครือข่าย Display ออก

2. การใช้คีย์เวิร์ดแบบ Broad Match ที่กว้างเกินไป

ผู้เขียนไม่แนะนำให้ใช้คีย์เวิร์ดแบบ **Broad Match** เพราะโฆษณาจะแสดงในคำค้นหาที่กว้างเกินไปและไม่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจทำให้งบโฆษณาสูญเปล่ากับการคลิกที่ไม่เกิดประโยชน์ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้คีย์เวิร์ดที่แคบลงมา เช่น Phrase Match หรือ Exact Match เพื่อให้การแสดงโฆษณาตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการและช่วยให้การใช้จ่ายโฆษณามีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

วิธีแก้ไขคีย์เวิร์ดใน Search Ads:

– เริ่มต้นด้วย Phrase Match หรือ Exact Match เพื่อให้โฆษณาแสดงเฉพาะในคำค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ที่เห็นโฆษณาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามความตั้งใจ โดย Phrase Match ให้ใส่สัญลักษณ์ “…” ครอบที่คีย์เวิร์ด หรือ Exact Match ให้ใส่สัญลักษณ์ […] ครอบที่คีย์เวิร์ด
– ตรวจสอบ Search Terms Report เพื่อคัดกรองและเพิ่มคำใน Negative Keywords ที่ไม่เกี่ยวข้อง ช่วยลดการแสดงผลที่ไม่พึงประสงค์

3. การใช้การประมูลแบบ Conversions เป็นค่าเริ่มต้น

การตั้งเป้าหมายเพื่อทำ Conversion เป็นสิ่งสำคัญในการทำโฆษณา แต่สำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ควรเริ่มต้นด้วยการตั้งค่า Conversion Bid เนื่องจากระบบต้องการข้อมูลจำนวนหนึ่งเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การติดตั้งโค้ด Conversion อย่างครบถ้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ระบบสามารถติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์ได้

ดังนั้นสำหรับมือใหม่ ควรเริ่มจากการประมูลแบบ Clicks เพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ให้มากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้ระบบมีข้อมูลเพียงพอในการเรียนรู้และพัฒนาเป็นการทำ Conversion ในอนาคต

วิธีแก้ไข Bidding:

– เริ่มต้นด้วยการใช้การประมูลแบบ Clicks เพื่อดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์และรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการวิเคราะห์ในภายหลัง โดยเข้าไปที่การตั้งค่าแคมเปญ และเปลี่ยนการนำเสนอราคา เป็นแบบ Clicks หรือ Maximize Clicks

4. การใช้ Ad Copy ที่ไม่น่าสนใจหรือไม่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาโฆษณา (Ad Copy) เป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำ Search Ads ผู้เขียนแนะนำให้เขียนข้อความโฆษณาที่หลากหลาย และเขียนให้เต็ม 15 บรรทัดแรก เพื่อช่วยให้ระบบสามารถสับเปลี่ยนโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลากหลายมากที่สุด หาก Ad Copy ไม่น่าสนใจหรือไม่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลให้เกิดการคลิกน้อยหรือไม่ทำให้เกิด Conversion ตามที่คาดหวัง

วิธีแก้ไขข้อความโฆษณา:

– เพิ่มความชัดเจนใน Call to Action (CTA) เช่น “สั่งซื้อเลย” หรือ “รับโปรโมชั่นพิเศษ” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการ
– นำคีย์เวิร์ดหลักมาใส่ในหัวข้อและคำอธิบายเพื่อเพิ่มคะแนนคุณภาพของโฆษณา วิธีนี้นอกจากจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับข้อความโฆษณาแล้ว ยังช่วยเพิ่มคะแนนคุณภาพ หรือ Quality Score ได้อีกด้วย
– ใช้ Assets เช่น Site Links หรือ Callouts เพื่อเพิ่มข้อมูลและดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้

5. การละเลยการทดสอบและปรับแต่งโฆษณา

หลังจากที่สร้างแคมเปญโฆษณาเรียบร้อยและแคมเปญโฆษณารันได้แล้ว คุณจำเป็นต้องเข้ามาดูแลแคมเปญโฆษณาเป็นระยะเพื่อปรับแต่งและพัฒนาโฆษณาอย่างต่อเนื่อง การทดสอบ A/B Testing เป็นวิธีการที่ดีที่จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าโฆษณาแบบใดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเปรียบเทียบผลการทำงานของ Ad Copy สองเวอร์ชันที่แตกต่างกัน การทดสอบข้อความโฆษณาจะช่วยค้นหาว่าข้อความใดดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้เกิดการคลิกมากที่สุด ซึ่งกิจกรรมนี้จะช่วยให้แคมเปญโฆษณาของคุณมีคุณภาพและประสิทธิภาพอยู่เสมอ

วิธีแก้ไขการปรับแต่งโฆษณา:

– แบ่งโฆษณาออกเป็นสองชุดและปรับเปลี่ยนองค์ประกอบที่สำคัญทีละอย่าง เช่น การใช้คำ CTA หรือการเปลี่ยนแปลงหัวข้อ
– ตั้งระยะเวลาทดสอบที่เหมาะสมเพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ
– วิเคราะห์ผลลัพธ์โดยใช้ CTR (Click-Through Rate) และ Conversion Rate เพื่อพิจารณาการปรับปรุงในอนาคต

6. การทำ Search Ads ในระดับ Advanced

เมื่อเข้าใจข้อผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์ในขั้นต้นได้แล้ว การทำโฆษณาในระดับ Advanced จะช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาและการจัดการงบประมาณได้ดียิ่งขึ้น ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สามารถทำโฆษณาพื้นฐานได้แล้ว คือการลองใช้ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่จะช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตั้งค่า Conversion Tracking เพื่อวัดผลการกระทำของผู้ใช้บนเว็บไซต์ การใช้ Dynamic Search Ads (DSA) เพื่อให้โฆษณาของคุณดึงดูดคำค้นหาที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุมมากขึ้น และการทำ Remarketing เพื่อนำเสนอโฆษณาที่ปรับแต่งให้ตรงกับผู้ใช้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกลับมาทำ Conversion และเพิ่มมูลค่าต่อการโฆษณา

คำแนะนำ Advanced Google Ads:

– ใช้ Dynamic Search Ads (DSA) เพื่อดึงดูดคำค้นหาที่อาจไม่ปรากฏในลิสต์คีย์เวิร์ดแต่ยังคงเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ
– ใช้ Remarketing Lists for Search Ads (RLSA) เพื่อติดตามผู้ใช้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์และนำเสนอข้อเสนอพิเศษเพื่อเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อ
– ทดลองใช้กลยุทธ์ Smart Bidding เช่น Target CPA หรือ Target ROAS ที่ระบบจะช่วยปรับค่าประมูลตามผลลัพธ์แบบเรียลไทม์

การปรับปรุงแคมเปญ Google Ads เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการวางแผนและการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ ข้อผิดพลาดและแนวทางการแก้ไขในบทความนี้ จะช่วยทำให้มือใหม่เข้าใจการทำงานของ Search Ads และเห็นแนวทางแก้ปัญหา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับแคมเปญโฆษณาของคุณ ซึ่งเมื่อทำความเข้าใจปัญหาและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมแล้ว คุณจะสามารถพัฒนาแคมเปญให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

คุยกับเราทางไลน์

เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลบริษัท

บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

Email: contact@smejump.com

Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

LINE : @smejump

จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ