วิธีปิดการขายบน LINE

10 เทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีปิดการขายบน LINE สำหรับธุรกิจ SME

ในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคใช้แอปพลิเคชัน LINE ในการสื่อสารและซื้อขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น การปิดการขายบน LINE จึงเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจ SME หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายผ่าน LINE Official Account (LINE OA)

วันนี้ SME Jump เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ เรามี 10 เทคนิคที่สามารถช่วยให้คุณปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. สร้างความสนใจด้วยข้อเสนอพิเศษ

การสร้างข้อเสนอพิเศษสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อทันที เช่น การลดราคาสินค้า หรือการแจกของแถม ตัวอย่างเช่น “สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีโปรโมชั่นลด 20% สำหรับลูกค้าที่ซื้อภายในวันนี้เท่านั้น!”

หากต้องการแจ้งโปรโมชั่นแบบอัตโนมัติ เมื่อมีลูกค้าเพิ่มเพื่อนใน LINE OA สามารถตั้งค่าข้อความต้อนรับ (Welcome Message) โดยไปที่เมนู “ตอบกลับอัตโนมัติ” และกำหนดข้อความที่ต้องการแจ้ง เช่น “ยินดีต้อนรับค่ะ! ขณะนี้เรามีโปรโมชั่นพิเศษ ลด 20% สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก เพียงใช้โค้ด WELCOME20” วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าทราบถึงโปรโมชั่นทันทีและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น

2. ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็วและตรงประเด็น

ความรวดเร็วในการตอบคำถามเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ และให้ข้อมูลครบถ้วน เช่น หากลูกค้าถามว่าสินค้ามีสีอะไรบ้าง ควรตอบทันทีว่า “สินค้าของเรามีสีแดง น้ำเงิน และเขียวค่ะ” พร้อมแนบภาพตัวอย่างสีเพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น

ข้อผิดพลาดที่ธุรกิจทำบ่อยในการตอบคำถามใน LINE

  1. ตอบช้าเกินไป – ลูกค้ามักคาดหวังการตอบกลับที่รวดเร็ว หากใช้เวลานานเกินไป ลูกค้าอาจเลือกซื้อจากร้านอื่นแทน
  2. ใช้ภาษาที่ยุ่งยากหรือเป็นทางการเกินไป – การใช้ภาษาที่เป็นกันเองและเข้าใจง่ายจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจมากขึ้น
  3. ไม่ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน – การให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนทำให้ลูกค้าต้องถามซ้ำ ควรเตรียมคำตอบที่มีรายละเอียดชัดเจนและเป็นประโยชน์
  4. ไม่แนบรูปภาพหรือข้อมูลเพิ่มเติม – การตอบคำถามด้วยข้อความอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรแนบรูปสินค้า หรือข้อมูลที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น
  5. ไม่ติดตามลูกค้าหลังจากตอบคำถาม – หากลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อ ควรติดตามผลอย่างสุภาพ เช่น “ไม่ทราบว่าสนใจสินค้าตัวนี้เพิ่มเติมหรือไม่คะ?” เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

3. กระตุ้นความสนใจด้วยภาพหรือวิดีโอ

การใช้ภาพถ่ายคุณภาพสูงหรือวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงสินค้าในมุมต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดและคุณภาพของสินค้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะการสื่อสารผ่านข้อความเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการซื้อ ภาพที่สวยงามและวิดีโอที่แสดงการใช้งานจริงจะช่วยให้ลูกค้ารับรู้ถึงคุณค่าของสินค้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณขายเสื้อผ้า ควรมีภาพสินค้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงการสวมใส่ของนางแบบหรือการมิกซ์แอนด์แมทช์ชุดกับไอเทมอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพรวมและจินตนาการถึงการใช้งานสินค้าได้ง่ายขึ้น หรือหากคุณขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจใช้วิดีโอรีวิวสั้น ๆ ที่สาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์จริงเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า

4. ใช้ข้อความกระตุ้นการตัดสินใจ (Call-to-Action: CTA)

CTA เป็นข้อความที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ เช่น “สินค้ารุ่นนี้เหลือเพียง 5 ชิ้นเท่านั้น รีบสั่งเลย!” หรือ “คลิกที่นี่เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 10%” การใช้ CTA ที่มีความเร่งด่วนจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น

5 รูปแบบของ CTA ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ

  1. CTA ที่เน้นความเร่งด่วน – เช่น “สินค้าล็อตสุดท้าย! หมดแล้วหมดเลย สั่งซื้อตอนนี้” หรือ “Flash Sale! ลด 30% ถึงเที่ยงคืนนี้เท่านั้น”
  2. CTA ที่ให้สิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่ม – เช่น “สมัครสมาชิกวันนี้ รับส่วนลดทันที 10%” หรือ “เฉพาะลูกค้าใหม่! กรอกโค้ด NEW10 ลดทันที 100 บาท”
  3. CTA ที่สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า – เช่น “การันตีคืนเงิน 100% หากไม่พอใจ” หรือ “สั่งซื้อวันนี้ ส่งฟรีทั่วประเทศ”
  4. CTA ที่กระตุ้นให้ลองใช้สินค้า – เช่น “ทดลองใช้ฟรี 7 วัน คลิกเพื่อสมัคร” หรือ “ลงทะเบียนรับตัวอย่างสินค้าฟรี”
  5. CTA ที่เน้นการกระทำโดยตรง – เช่น “คลิกเพื่อแชทกับเรา” หรือ “กดสั่งซื้อตอนนี้ รับของภายใน 24 ชม.”

5. สร้างความน่าเชื่อถือด้วยรีวิวจากลูกค้า

การแสดงรีวิวหรือคำแนะนำจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าใหม่ สามารถใช้ภาพรีวิว ข้อความ หรือวิดีโอสั้น ๆ ที่ลูกค้าเคยให้ฟีดแบ็ก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น

3 รูปแบบในการนำเสนอรีวิวจากลูกค้าที่สามารถใช้บน LINE

  1. รูปแบบภาพและข้อความ – แชร์ภาพสินค้าพร้อมรีวิวจากลูกค้าจริง เช่น “กระเป๋าใบนี้น่ารักมากค่ะ ใช้งานดีและวัสดุคุณภาพเยี่ยม!” พร้อมแนบภาพที่ลูกค้าส่งมาเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  2. วิดีโอรีวิวสั้น ๆ – ใช้วิดีโอจากลูกค้าที่รีวิวสินค้า เช่น การเปิดกล่องสินค้า (Unboxing) หรือการใช้งานจริง เพื่อให้ลูกค้าใหม่ได้เห็นประสบการณ์จริงจากผู้ใช้
  3. ข้อความรีวิวที่เน้นจุดเด่นของสินค้า – ดึงข้อความรีวิวที่เน้นจุดเด่นของสินค้า เช่น “น้ำหอมกลิ่นติดทนนานมาก ใช้แล้วมีแต่คนชม” และนำมาโพสต์หรือส่งให้ลูกค้าที่ยังลังเลเพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

6. ใช้ระบบตอบกลับอัตโนมัติ (Chatbot) อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณมีลูกค้าจำนวนมาก การใช้ Chatbot เพื่อช่วยตอบคำถามเบื้องต้น เช่น คำถามเกี่ยวกับราคา รายละเอียดสินค้า หรือเงื่อนไขการจัดส่ง จะช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว และสามารถโอนต่อไปยังแอดมินเมื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อควรระวังในการใช้ Chatbot

  1. การตอบแบบหุ่นยนต์เกินไป – ลูกค้ามักต้องการการตอบกลับที่มีความเป็นมนุษย์ หาก Chatbot ใช้ภาษาที่ไม่เป็นธรรมชาติ อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกหงุดหงิดและไม่อยากสนทนาต่อ
  2. ไม่สามารถเข้าใจคำถามที่ซับซ้อน – Chatbot อาจไม่สามารถตอบคำถามที่มีความเฉพาะเจาะจงหรือซับซ้อนได้ดีเท่ามนุษย์ ควรมีระบบที่สามารถโอนให้แอดมินได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น
  3. การตอบซ้ำ ๆ โดยไม่แก้ปัญหา – หาก Chatbot ตอบเพียงข้อความเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่สามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริง อาจทำให้ลูกค้าหงุดหงิดและตัดสินใจไม่ซื้อสินค้า

7. ใช้เทคนิคการขายแบบ Soft Selling

การขายแบบ Soft Selling หมายถึงการนำเสนอสินค้าแบบไม่กดดันลูกค้า เช่น การให้ข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด แนะนำสินค้าที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน หรือให้ทดลองใช้ก่อนซื้อ วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและมีโอกาสตัดสินใจซื้อสูงขึ้น

ตัวอย่าง Sell Script สำหรับ Soft Selling

พนักงานขาย: สวัสดีค่ะคุณลูกค้า วันนี้สนใจสินค้าแบบไหนเป็นพิเศษไหมคะ?

ลูกค้า: สนใจครีมบำรุงผิวค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าตัวไหนดี

พนักงานขาย: เข้าใจเลยค่ะ 😊 เรามีครีมบำรุงหลายสูตร ลักษณะผิวของลูกค้าเป็นแบบไหนคะ? ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม?

ลูกค้า: ผิวค่อนข้างแห้งค่ะ

พนักงานขาย: งั้นแนะนำสูตรนี้เลยค่ะ เป็นครีมที่มีมอยส์เจอร์เข้มข้น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เหมาะกับผิวแห้งมาก ๆ เลยนะคะ

ลูกค้า: ฟังดูดีนะคะ แต่กลัวว่าใช้แล้วจะเหนอะหนะ

พนักงานขาย: ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เนื้อครีมซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ ลองดูรีวิวจากลูกค้าท่านอื่นได้นะคะ 😊 ถ้าสนใจสามารถสั่งขนาดทดลองใช้ก่อนได้นะคะ เพียง 99 บาทค่ะ

ลูกค้า: อืม งั้นขอลองขนาดทดลองก่อนค่ะ

พนักงานขาย: ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวส่งรายละเอียดการชำระเงินให้นะคะ ถ้าชอบสามารถสั่งขนาดจริงพร้อมรับส่วนลดพิเศษได้ในครั้งถัดไปค่ะ 😉

8. ใช้โปรโมชั่นแบบจำกัดเวลาเพื่อกระตุ้นยอดขาย

การสร้างโปรโมชั่นแบบ Flash Sale หรือส่วนลดที่มีเวลาจำกัด เช่น “ลด 15% ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น” จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวพลาดโอกาสดี ๆ นอกจากนี้ โปรโมชั่น Flash Sale นี้ยังสามารถแสดงไว้ที่ Rich Menu บน LINE OA เพื่อให้ลูกค้าเห็นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Rich Menu คืออะไร?

Rich Menu เป็นเมนูแบบภาพที่แสดงอยู่ด้านล่างของหน้าต่างแชทใน LINE OA ซึ่งสามารถตั้งค่าให้ลิงก์ไปยังหน้าสินค้า โปรโมชั่น หรือข้อมูลที่ต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงได้สะดวก การเพิ่มโปรโมชั่น Flash Sale ใน Rich Menu ช่วยให้ลูกค้าคลิกดูข้อเสนอพิเศษได้ทันที ลดขั้นตอนในการค้นหาข้อมูลและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

9. เสนอทางเลือกในการชำระเงินที่สะดวก

ลูกค้าบางคนอาจต้องการชำระเงินผ่านโอนธนาคาร บางคนอาจสะดวกชำระผ่านบัตรเครดิต หรือวอลเล็ต ควรมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายและแจ้งให้ลูกค้าทราบชัดเจนเพื่อลดอุปสรรคในการซื้อ

3 ช่องทางที่ลูกค้าคนไทยนิยมใช้ในการชำระเงินออนไลน์

  1. โอนเงินผ่าน Mobile Banking – เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และสามารถทำธุรกรรมได้ผ่านแอปธนาคารบนมือถือ
  2. TrueMoney Wallet และ e-Wallet อื่น ๆ – กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น TrueMoney Wallet, ShopeePay และ Rabbit LINE Pay กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
  3. บัตรเครดิต/เดบิต – ลูกค้าหลายคนยังนิยมใช้บัตรเครดิตและเดบิตในการชำระเงิน โดยเฉพาะสำหรับการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง หรือเมื่อต้องการผ่อนชำระ

10. ติดตามลูกค้าหลังจากที่สนใจสินค้า

หากลูกค้าทักมาสอบถามข้อมูล แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ควรติดตามผลภายใน 1-2 วัน เช่น “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ายังสนใจสินค้าตัวนี้อยู่ไหมคะ? ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ยังลังเลอยู่ค่ะ” การติดตามผลอย่างสุภาพจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น

เทคนิคการติด Tag บน LINE OA เพื่อแยกลูกค้า

การติด Tag ให้กับลูกค้าเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยสามารถแยกลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้ว และลูกค้าที่ยังไม่ได้ซื้อ เพื่อให้สามารถติดตามและเสนอโปรโมชั่นได้อย่างเหมาะสม

  1. ลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้ว – ติด Tag เช่น “ลูกค้า VIP”, “ลูกค้าประจำ” หรือ “ซื้อแล้ว” เพื่อให้สามารถส่งข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชันสำหรับลูกค้าประจำได้
  2. ลูกค้าที่สนใจแต่ยังไม่ซื้อ – ติด Tag เช่น “สนใจแต่ยังไม่ซื้อ”, “ลังเล” หรือ “สอบถามข้อมูล” และตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนติดตามผลอัตโนมัติ เช่น ข้อเสนอส่วนลดพิเศษ หรือการเชิญชวนให้ลองสินค้า
  3. การใช้ Tag ร่วมกับ Broadcast Messages – สามารถส่งข้อความเฉพาะกลุ่มลูกค้า เช่น กลุ่มที่ยังไม่ได้ซื้อ อาจได้รับข้อความว่า “เรามีส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับคุณ รีบใช้ก่อนหมดเขต!” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

การใช้ Tag ใน LINE OA ไม่เพียงช่วยให้การติดตามลูกค้าเป็นระบบมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายอย่างมีประสิทธิภาพ


สรุป: วิธีปิดการขายบน LINE

สำหรับธุรกิจ SME การใช้เทคนิคเหล่านี้ในการปิดการขายบน LINE สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเสนอข้อเสนอพิเศษ ตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว ใช้ภาพและวิดีโอช่วยกระตุ้นความสนใจ และใช้ CTA ที่ดึงดูดใจ

นอกจากนี้ การนำรีวิวจากลูกค้ามาใช้ การตั้งค่า Chatbot อย่างเหมาะสม และการใช้เทคนิค Soft Selling จะช่วยให้การขายเป็นธรรมชาติมากขึ้น การจัดโปรโมชั่นแบบจำกัดเวลา การเสนอช่องทางชำระเงินที่สะดวก และการใช้ Tag บน LINE OA เพื่อแยกลูกค้าก็เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ ลองนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในธุรกิจของคุณ!

ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ