เปิดข้อ เปรียบเทียบ ChatGPT Plus และ Team แบบไหนเหมาะกับคุณ?
เปรียบเทียบ ChatGPT Plus และ Team แบบไหนคุ้มกว่ากัน และแบบไหนเหมาะสำหรับองค์กรของคุณ?
เปรียบเทียบ ChatGPT Plus และ ChatGPT Team แบบไหนคุ้มกว่ากัน?
ในยุคที่ Generative AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงานในออฟฟิศ และการสื่อสารอย่างมืออาชีพ GenAI เช่น ChatGPT ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากคนทำงานออฟฟิศสามารถประยุกต์ให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพแบบคนทำงานมืออาชีพ ถ้าคุณเคยใช้งาน ChatGPT คุณคงเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบนนี้ โดย OpenAI ได้พัฒนาบริการ ChatGPT ออกมาในหลายเวอร์ชั่น ได้แก่ ChatGPT Plus สำหรับผู้ใช้งานเดี่ยว และ ChatGPT Team ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกันในระดับทีมหรือองค์กร บทความนี้จะแสดงการเปรียบเทียบทั้ง 2 เวอร์ชั่น เพื่อให้คุณสามารถเลือกเวอร์ชั่นที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด
ฟังก์ชั่น ChatGPT Plus: ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล
ChatGPT Plus เป็นตัวเลือกที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานคนเดียวที่ต้องการฟีเจอร์มากกว่าเวอร์ชั่นฟรี โดยเฉพาะในด้านความเร็วในการตอบและความแม่นยำของข้อมูล หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดีและความคุ้มค่าของเวอร์ชั่นนี้ คุณสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ อัพเกรด ChatGPT Plus คุ้มไหม? เพื่อดูรายละเอียดและประโยชน์ของการอัพเกรดนี้อย่างเต็มที่ โดยมีฟีเจอร์เด่นดังนี้:
1. เข้าถึง GPT-4o เวอร์ชั่นล่าสุด
หนึ่งในข้อดีสำคัญของ ChatGPT Plus คือการเข้าถึง GPT-4o ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า GPT-3.5 แต่ยังตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย ทำให้สามารถให้คำตอบที่ชาญฉลาดและแม่นยำยิ่งขึ้น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการคำตอบในเชิงลึกหรือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน นอกจากนี้ การตอบคำถามที่รวดเร็วยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดเวลารอคอยในการหาคำตอบได้อย่างมาก
2. การเข้าถึงที่ไม่ถูกจำกัดในช่วงเวลาสูงสุด
จากการใช้งานทั่วไป ChatGPT Plus สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีการถูกจำกัดในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้สูง แม้ในช่วงที่มีการใช้งานมากก็ยังสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น Team จะพบว่า ChatGPT Team มีลิมิตในการใช้งานสูงกว่าเวอร์ชั่น Plus ทำให้เหมาะกับการใช้งานในระดับองค์กรที่ต้องการความเสถียรในการทำงานร่วมกัน
3. ฟีเจอร์ Custom GPT
ChatGPT Plus ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Custom GPT ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการตอบและฟีเจอร์การใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าโทนของคำตอบ หรือการปรับแต่งให้ระบบเข้าใจบริบทเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้จำกัดไว้สำหรับการใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถแชร์ Custom GPT กับผู้อื่นได้ ในทางตรงกันข้าม ChatGPT Team สามารถแชร์ Custom GPT ให้กับทุกคนใน workspace เดียวกัน ซึ่งตอบโจทย์การทำงานแบบทีมได้ดีกว่าเวอร์ชั่น Plus อย่างมาก
เครื่องมือ ChatGPT Plus เหมาะสำหรับใคร?
ChatGPT Plus เหมาะสำหรับผู้ใช้งานเดี่ยวที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลและความสามารถของ AI ที่มีความแม่นยำสูง โดยไม่ต้องการคุณสมบัติการทำงานร่วมกับทีม หากคุณทำงานคนเดียว แน่นอนว่าคุณควรสมัครใช้งานแบบ Plus เพราะเวอร์ชั่น Team จำเป็นต้องเริ่มต้นที่ 2 คน ดังนั้น หากคุณมีทีมงานไม่มาก เช่น 2-4 คน การสมัครแบบ Plus จะทำให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนถูกกว่า แต่ต้องแลกกับข้อจำกัดในการแชร์ระหว่างทีมและการจัดการ Billing ที่ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว
ฟังก์ชั่น ChatGPT Team: เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันในทีม
ChatGPT Team ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานระดับทีมและองค์กร โดยเน้นความสามารถในการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพสูงและการบริหารจัดการ Billing ที่ครบครัน ซึ่งเป็นความแตกต่างหลัก ๆ เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่น Plus นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันและการแชร์ทรัพยากรระหว่างสมาชิกในทีม ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายกว่า ChatGPT Plus ดังนี้:
1. การแชร์ Custom GPT ภายในทีม
หนึ่งในฟีเจอร์หลักของ ChatGPT Team คือการแชร์ Custom GPT ที่สร้างขึ้นภายในทีมได้ สมาชิกทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งาน Custom GPT ที่ทีมปรับแต่งขึ้น ช่วยให้กระบวนการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนในการสร้างและปรับแต่ง Custom GPT สำหรับแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น ทีมงานของเรา รับทำโฆษณา Google Ads เราสามารถสร้าง Custom GPT สำหรับเขียนข้อความโฆษณา Google Ads โดยเฉพาะ และแชร์ Custom GPT นี้ให้กับทุกคนในทีมได้ใช้งาน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสอดคล้องและมีมาตรฐานเดียวกัน
2. แชร์ภาพจาก DALL-E 3
ฟีเจอร์การแชร์ภาพที่สร้างจาก DALL-E 3 ซึ่งเป็นโมเดลสร้างภาพของ OpenAI มีประโยชน์มากสำหรับทีมงานที่ต้องใช้การสื่อสารด้วยภาพ เช่น การทำการตลาด การออกแบบ หรือการประชุมที่ต้องการอธิบายแนวคิดด้วยภาพ สมาชิกทุกคนในทีมสามารถแชร์ภาพที่สร้างขึ้นจาก DALL-E 3 เพื่อประกอบการทำงานได้ ฟีเจอร์นี้เปรียบเสมือนโปรแกรม Canva ที่ทีมงานใน workspace เดียวกันสามารถให้ความเห็นและแก้ไขภาพได้ ซึ่งช่วยให้การทำงานแบบ Collaboration เป็นไปได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. การจัดการ Billing โดยเจ้าของทีม
ChatGPT Team มีระบบการจัดการการเงิน (Billing) ที่ช่วยให้เจ้าของทีมสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าของทีมสามารถดูและจัดการการใช้งานของสมาชิกทุกคนในทีมจากที่เดียว รวมถึงการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและการซื้อ License สำหรับสมาชิกตามจำนวนที่ต้องการ การจัดการ Billing นี้นอกจากจะทำให้สะดวกแล้ว ยังทำให้ปลอดภัย เนื่องจากการจ่ายค่าใช้จ่ายรายเดือนต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิต ดังนั้น หากเลือกใช้งานแบบเวอร์ชั่น Plus คุณก็ต้องใส่บัตรเครดิตในแต่ละบัญชีของเวอร์ชั่น Plus ซึ่งอาจทำให้การจัดการเป็นไปอย่างยุ่งยากเมื่อมีหลายบัญชีที่ต้องดูแล
4. สิทธิ์การเข้าถึงที่ยืดหยุ่น เปิดให้สมาชิกในทีมมีสิทธ์ดูแลบัญชี
ChatGPT Team ให้ความยืดหยุ่นในการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงของสมาชิกในทีม โดยผู้จัดการสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงและบทบาทของสมาชิกได้ เช่น การกำหนดให้สมาชิกบางคนเป็น Admin หรือ Member ตามโครงสร้างองค์กร ช่วยให้การบริหารจัดการเป็นไปตามความต้องการขององค์กร ฟีเจอร์นี้ช่วยให้องค์กรหรือทีมงานขนาดใหญ่สามารถแต่งตั้งบุคคลอื่นมาช่วยดูแลการเพิ่มและลดสมาชิกในทีม แทนที่เจ้าของทีม (Owner) จะต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งตอบโจทย์การทำงานในรูปแบบองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องมือ ChatGPT Team เหมาะสำหรับใคร?
ChatGPT Team เหมาะสำหรับทีมงานหรือองค์กรที่มีหลายคนและต้องการให้สมาชิกทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ในความคิดเห็นของเรา หากคุณทำงานเป็นทีมและมีทีมงานมากกว่า 1 คน การเลือกใช้ ChatGPT Team จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากให้ความสะดวกและความปลอดภัยในการจัดการการจ่ายเงิน โดยเฉพาะทีมที่ต้องการแชร์ Custom GPT หรือใช้ฟีเจอร์การสื่อสารด้วยภาพเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดต่าง ๆ และต้องการควบคุมการชำระเงินทั้งหมดในที่เดียว
การเปรียบเทียบ ChatGPT Plus และ ChatGPT Team
ฟีเจอร์ | ChatGPT Plus | ChatGPT Team |
การเข้าถึง GPT-4o | ✅ | ✅ |
การเข้าถึงที่ไม่จำกัดช่วงเวลาสูงสุด | ✅ | ✅ |
ฟีเจอร์ Custom GPT | ✅ (ไม่สามารถแชร์) | ✅ (แชร์ได้ในทีม) |
การแชร์ภาพจาก DALL-E 3 | ❌ | ✅ |
การจัดการ Billing | ❌ | ✅ |
สิทธิ์การเข้าถึงที่ยืดหยุ่น | ❌ | ✅ |
สรุป: ChatGPT Plus และ ChatGPT Team แบบไหนดีกว่ากัน?
เมื่อพิจารณาความคุ้มค่าของ ChatGPT Plus และ ChatGPT Team สามารถสรุปได้ดังนี้:
– ChatGPT Plus เหมาะกับผู้ใช้งานเดี่ยวที่ต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอคอยและสามารถเข้าถึง GPT-4o และ Custom GPT ได้ในราคาที่คุ้มค่า
– ChatGPT Team เหมาะสำหรับทีมงานหรือองค์กรที่มีสมาชิกหลายคน โดยเน้นการทำงานร่วมกัน การแชร์ Custom GPT และการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการบริหารค่าใช้จ่ายของทีม ซึ่งทำให้ ChatGPT Team เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับองค์กรที่มีทีมงานขนาดใหญ่ ในความเห็นของพวกเรา หากคุณมีทีมงานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป การเลือกใช้แบบ Team จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยด้านการชำระเงิน
การเลือกใช้ระหว่าง ChatGPT Plus และ Team ขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการของทีม หากคุณเป็นผู้ใช้งานเดี่ยวที่ต้องการเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง การเลือกใช้ ChatGPT Plus จะคุ้มค่า แต่ถ้าคุณทำงานในทีมที่ต้องการความร่วมมือและการแชร์ทรัพยากร ChatGPT Team คือคำตอบที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ