การตลาดแบบ Muketing คืออะไร?
Muketing คืออะไร ทำความรู้จักกับการตลาดสายมู
Muketing คืออะไร สายมู: เจาะใจลูกค้าด้วยศาสตร์แห่งดวง
ในยุคที่การตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคไม่ได้เพียงแค่ต้องการสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตนเองเท่านั้น แต่ยังแสวงหาสิ่งที่สะท้อนตัวตนและเชื่อมโยงกับความเชื่อหรือความชอบเฉพาะตัว
Muketing คืออะไร-แนวคิด “Muketing” หรือการตลาดสายมู ซึ่งได้มีการนำความเชื่อเรื่องดวง โชคชะตา และศาสตร์แห่งตัวเลขมาผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าอย่างลงตัว กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะหลังงานสัมมนา MIT Conference 2024 ที่ได้เน้นย้ำถึงพลังของการใช้ความเชื่อเหล่านี้ในการเจาะตลาด เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคเอเชียที่มีความเชื่อเหล่านี้เป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว
รู้จักกับ Muketing คืออะไร?
Muketing คือการตลาดที่นำหลักการจากศาสตร์ความเชื่อเกี่ยวกับดวงหรือโชคชะตา เช่น โหราศาสตร์, ตัวเลขมงคล, สีประจำราศี และธาตุ มาใช้ในการสร้างประสบการณ์ทางการตลาด และออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับลึกซึ้ง
โดยการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น วันเดือนปีเกิด, ราศี, และธาตุประจำตัวในการปรับแต่งสินค้าและบริการ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าและบริการนั้น ถูกสร้างมาเพื่อเขา และมีความหมายพิเศษในแง่ของความเชื่อ
จากข้อมูลค้นหาเพิ่มเติม คำว่า Mu มาจากคำว่า ‘มูเตลู’ ซึ่งเป็นชื่อของภาพยนตร์สยองขวัญจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโชคลางและความเชื่อ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของการนำคำนี้มาผสมกับคำว่า ‘Marketing’ จนกลายเป็น ‘Muketing’ ในที่สุด
Muketing ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันมีความสนใจในสิ่งที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวเองอย่างลึกซึ้ง และหลายคนเชื่อว่าการเลือกใช้สี เลข หรือแม้แต่การเลือกสินค้าและบริการที่เข้ากับดวงหรือโชคชะตา อาจส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองขึ้น
ตัวอย่างการนำ Muketing ไปใช้ในธุรกิจ
การนำ Muketing ไปใช้ไม่จำกัดเพียงการออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่ยังครอบคลุมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าในมิติที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้เขียนทำงาน รับทำโฆษณา Google Ads และได้เห็นตัวอย่างการนำแนวคิดนี้ไปใช้จากงานสัมมนา ซึ่งทำให้ได้ไอเดียในการนำไปปรับใช้กับการทำการตลาดออนไลน์
ตัวอย่างของการนำ Muketing ไปใช้มีดังนี้:
1. การใช้สีประจำราศีในการออกแบบสินค้า
สีเป็นองค์ประกอบที่มีผลต่อความรู้สึกและความเชื่อของผู้คน การใช้สีที่เป็นมงคลตามราศีเกิดในการออกแบบสินค้า เช่น ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในการเลือกสินค้า
ข้อมูลจากงานสัมมนา วิทยากรผู้เล่าในงานสัมมนาได้กล่าวว่า ผ้าปูที่นอนหรือเครื่องนอนต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่เราจะใช้เวลาอยู่ด้วยในเวลานอนหลายชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นสีของผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนจะมีผลต่อดวงของเราอย่างมาก ตัวอย่างเช่น เสื้อสีเขียวเข้มที่เข้ากับราศีธนู หรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันตรงตามวันเกิดของลูกค้า
2. ธาตุประจำตัวกับผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล
ธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง สามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล เช่น น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมตามธาตุ เช่น ธาตุน้ำเหมาะกับกลิ่นสดชื่นของทะเล ธาตุไฟเหมาะกับกลิ่นเครื่องเทศที่ร้อนแรง หรือเครื่องดื่มสมุนไพรตามธาตุ เช่น ชาสมุนไพรที่เหมาะกับธาตุดิน
นอกจากนี้ยังสามารถนำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับการแบ่งกลุ่มลูกค้าในฐานข้อมูล CRM โดยแบ่งตามธาตุทั้ง 5 และส่งข้อความที่มีความเป็น Personalized ตามธาตุของลูกค้า ผลที่ได้คืออัตราการเปิดข้อความ (Open Rate) สูงขึ้นอย่างชัดเจน เพราะลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจและสื่อสารกับพวกเขาในแบบที่ตรงกับตัวตนของพวกเขา
3. การใช้เลขมงคลในโปรโมชั่น
ตัวเลขมงคลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มักถูกนำมาใช้ในการตั้งราคาและการจัดโปรโมชั่น เช่น การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลขมงคล เช่น 99 หรือ 888 ซึ่งเป็นที่เชื่อว่าเป็นเลขนำโชค หรือจัดโปรโมชั่นพิเศษเช่น “ซื้อ 1 แถม 1” ในวันที่ 11 เดือน 11 เพื่อตอกย้ำความเชื่อว่าลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้จะได้รับสิ่งที่ดีและเป็นมงคล
เทคนิคการใช้ตัวเลขนี้ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและทำให้แบรนด์แตกต่างจากสินค้าทั่วไป เพียงแค่นำมุมของตัวเลขมานำเสนอในแบบที่เชื่อมโยงกับความเชื่อและโชคชะตา
4. บริการดูดวงส่วนบุคคลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
บางแบรนด์เลือกที่จะให้บริการเสริมเช่น การดูดวงส่วนบุคคล หรือจัดกิจกรรม Workshop เกี่ยวกับดวง เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ต้องยอมรับว่า คนไทยชอบดูดวงอย่างมาก
ข้อสังเกตที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคน Gen ไหน ดวงก็ยังเป็นเรื่องในความสนใจ การเพิ่มการบริการเสริมเช่นนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนได้รับประสบการณ์ที่พิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่การซื้อสินค้าและบริการ แต่ยังสร้างความประทับใจและความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว
ประโยชน์ของ Muketing
การนำ Muketing มาใช้ให้ผลดีอย่างมากทั้งในด้านการสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย โดยมีข้อดีสำคัญๆ ดังนี้
1. สร้างความแตกต่างและความโดดเด่นให้กับแบรนด์
Muketing ช่วยให้แบรนด์มีความโดดเด่นในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME การสร้างความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา แบรนด์ที่นำศาสตร์แห่งดวงเข้ามาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ และการบริการจะสามารถสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งได้ และเพิ่มความน่าสนใจ ส่งผลให้แบรนด์นั้นเป็นที่จดจำในใจของลูกค้า
2. ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล
การใช้ Muketing ช่วยให้สินค้าหรือบริการที่นำเสนอสามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การตลาดแบบ Personalization เป็นเทรนด์ที่แนะนำในปีนี้ ลูกค้าที่เชื่อในศาสตร์แห่งดวงหรือโชคชะตาจะรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการนั้นถูกออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ และมักจะเกิดความพึงพอใจมากขึ้นในการใช้สินค้าและบริการนั้น
3. เพิ่มโอกาสในการขาย
Muketing มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าและบริการนั้นมีคุณค่าพิเศษและอาจส่งผลดีต่อชีวิตของพวกเขา ลองนำแนวคิดนี้มาเป็นไอเดียในการทำโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขาย จะทำให้คุณมีกลยุทธ์ที่หลากหลายมากขึ้น การจัดโปรโมชั่นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อในโชคชะตาทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
4. สร้างความผูกพันกับลูกค้า
Muketing ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการขายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างชุมชนของลูกค้าที่มีความเชื่อและความสนใจเหมือนกัน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านกิจกรรมหรือบริการเสริม เช่น การให้คำปรึกษาเรื่องดวงหรือการจัด Workshop ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นั้นมีความใส่ใจในตัวตนและความต้องการของพวกเขา
จากการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย เรื่องดวงหรือคอนเทนต์ต่างๆ เกี่ยวกับดวงมักจะได้รับการมีส่วนร่วมมากที่สุด เนื่องจากเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์สามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประยุกต์ใช้ Muketing ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
การนำ Muketing มาปรับใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือดวงเท่านั้น แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับทุกธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อกับลูกค้าในระดับลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร, เครื่องสำอาง, การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การให้บริการออนไลน์ การออกแบบสินค้าหรือบริการให้เข้ากับโชคชะตาหรือดวงจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนมีความสำคัญและเชื่อมโยงกับแบรนด์ในแง่บวก
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ก็ต้องให้ความระมัดระวัง เพราะเกี่ยวกับความเชื่อส่วนบุคคล ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในลักษณะที่อาจดูเหมือนการลบหลู่หรือนำเสนอในเชิงลบ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารอาจออกแบบเมนูตามสีมงคลประจำวัน หรือบริการที่พักอาจใช้หลักการของธาตุเพื่อจัดการตกแต่งห้องพักให้ตรงตามลักษณะธาตุของผู้เข้าพัก การปรับใช้แนวคิด Muketing ช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจเรื่องดวงและโชคชะตาได้ดีมากขึ้น
สรุป: Muketing คืออะไร?
Muketing คือแนวทางการตลาดที่ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเชิงพาณิชย์ แต่ยังตอบโจทย์ความเชื่อและความสนใจส่วนบุคคล ช่วยให้แบรนด์และลูกค้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น เป็นเทคนิคที่ช่วยให้นักการตลาดมีไอเดียที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่
ในยุคที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับตัวตนของตนเอง การนำ Muketing มาใช้จึงเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความแตกต่าง เพิ่มยอดขาย และสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ