วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads
โดย วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads หรือ Google Ads Optimization เป็นงานที่สำคัญมาก จากที่อยู่ในวงการรับทำโฆษณา Google Ads มาหลายปี ความสามารถในการใช้โฆษณา Google Ads อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ท้าทายเหล่าเอเจนซี่มาก ดังนั้นบทความนี้จะเน้นวิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของเรา เรานำเสนอ 5 เรื่องที่คุณควรรู้คือ Search Term, Negative Keyword, Add New Keyword, Conversion Rate และ Auction Insight
5 เทคนิคในการทำ Google Ads Optimization
- Search Term: การวิเคราะห์คำค้นหาที่ใช้
การวิเคราะห์คำค้นหาหรือ Search Term ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Google Ads เพราะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้งานค้นหาด้วยคำอะไรบ้าง และคำเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณหรือไม่ การตรวจสอบคำค้นหาสามารถทำได้จากเครื่องมือ Search Term Report ที่มีอยู่ใน Google Ads ซึ่งข้อมูลจากรายงานนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งแคมเปญ Google Ads ได้ดังนี้:
– เพิ่มคีย์เวิร์ดใหม่ๆที่ไม่เคยใช้: จากรายงาน คุณจะค้นพบคีย์เวิร์ดใหม่ๆที่น่าสนใจ และสามารถเพิ่มเป็นคีย์เวิร์ดที่ใช้ทำโฆษณาในแคมเปญ Google Ads ของคุณ เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสในการแสดงผล
– กำจัดคำที่ไม่เกี่ยวข้อง: ข้อมูลในรายงาน คุณจะพบคำค้นหาที่ไม่ตรงกับสินค้า หรือบริการของคุณ ซึ่งคุณสามารถทำ Negative Keyword เพื่อป้องกันการแสดงโฆษณาให้กับผู้ที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การทำ Negative Keyword จะอยู่ในหัวข้อถัดไป
โดยสรุป การเข้าใจใน Search Term จะช่วยให้คุณสามารถ optimize แคมเปญโฆษณาได้ดีขึ้นและยังช่วยทำให้งบโฆษณาถูกใช้ในคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมที่สุด
- Negative Keyword: การทำคีย์เวิร์ดเชิงลบ
การทำ Negative Keyword หรือคำค้นหาเชิงลบ เป็นเคล็ดลับในการที่เอเจนซี่โฆษณาออนไลน์ใช้ ในการปรับแต่งแคมเปญ เพราะ หลายครั้งการแสดงโฆษณาและถูกคลิกไปกับคำค้นหาที่ไม่ต้องการ เนื่องจาก Google Ads อาจจะมีการแสดงโฆษณากว้างกว่าคำที่เราใช้ทำโฆษณา
ดังนั้น การทำ Negative Keyword จะช่วยกรองการค้นหาที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง นอกเหนือจากการ optimize แคมเปญ Google Ads
– ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: การแสดงโฆษณาในคำค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องจะทำให้คุณเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ การทำคำค้นหาเชิงลบจะช่วยลดปัญหานี้ได้ และยังช่วยทำให้ค่า CTR สูงขึ้นอีกด้วย
– เพิ่มคุณภาพของ Traffic คนที่เข้ามาในเว็บไซต์: การใช้คีย์เวิร์ดเชิงลบทำให้โฆษณาของคุณแสดงผลเฉพาะผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณมากขึ้น ส่งผลให้ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์มีคุณภาพสูงขึ้น
– เพิ่ม Conversion Rate: ด้วยการกำจัดคำค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป และ Traffic ที่เข้ามามีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตราคอนเวอร์ชั่นสูงขึ้น (Conversion Rate) โอกาสที่คนจะสั่งซื้อสินค้า หรือติดต่อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ตัวอย่างของ Negative Keyword ที่ควรพิจารณา เช่น หากคุณขายสินค้าราคาแพง อาจต้องใส่คำว่า “ราคาถูก” หรือ “ฟรี” เป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบเพื่อป้องกันการแสดงผลกับกลุ่มที่ไม่ตรงเป้าหมาย
- Add New Keyword: การเพิ่มคีย์เวิร์ดใหม่ให้กับแคมเปญ
การเพิ่มคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ก็เป็นวิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads เพราะพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การใช้คีย์เวิร์ดเดิมๆผลลัพธ์อาจจะไม่ดีเหมือนเดิมก็เป็นไปได้ ดังนั้นขอให้คุณหมั่นตรวจสอบ และปรับปรุงคีย์เวิร์ดในแคมเปญของคุณให้อัปเดต จะช่วยให้โฆษณายังคงมีประสิทธิภาพ และสามารถแสดงผลกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยเข้าถึงมาก่อน การเพิ่มคีย์เวิร์ดใหม่ๆมีแนวทางดังต่อไปนี้:
– วิเคราะห์ Search Term Report: จากรายงานคำค้นหา คุณสามารถหาคำค้นหาที่เกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพในการแสดงผลสูง แล้วนำคำเหล่านั้นมาเพิ่มเป็นคีย์เวิร์ดใหม่
– ใช้ Google Keyword Planner: เครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ดในบัญชี Google Ads ของคุณ เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มได้รับการค้นหามากขึ้น พร้อมทั้งแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันและราคาต่อคลิก (CPC)
– ลองใช้คีย์เวิร์ด Long-Tail: คีย์เวิร์ดแบบยาว (Long-Tail Keyword) มักมีการแข่งขันน้อยกว่า และสามารถจับกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ดียิ่งขึ้น เช่น ซ่อมแอร์บ้านรามคำแหง เป็นต้น
- Conversion Rate: Optimize Ads เพื่อเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่น
Conversion Rate หรืออัตราคอนเวอร์ชั่น เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณเห็นภาพว่า การ Optimize แคมเปญ มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน Conversion Rate คือ อัตราที่ผู้เข้าเว็บไซต์กระทำกิจกรรมที่คุณต้องการ หลังจากที่เข้ามาบนหน้าเว็บไซต์ ผ่านทางโฆษณา Google Ads ของคุณ กิจกรรมที่คุณต้องการเช่น การสั่งซื้อสินค้า, การคลิกที่ปุ่ม LINE บนหน้าเว็บไซต์ หรือ การกรอกฟอร์มลงทะเบียน หากคุณสามารถเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชั่นให้สูงขึ้นได้ ก็หมายความว่า การปรับแต่งแคมเปญโฆษณาประสบความสำเร็จ
วิธีการเพิ่ม Conversion Rate มีดังนี้:
– ปรับปรุงหน้า Landing Page: หน้าที่ผู้ใช้เห็นหลังจากคลิกโฆษณาควรมีเนื้อหาที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และมีการออกแบบปุ่ม Call to Action (CTA) ที่เด่นชัด และทำให้ผู้ใช้งานทำตามขั้นตอนที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นไปได้ใช้ปุ่มที่ลูกค้าคุ้นเคย ถ้าเป็นปุ่ม LINE ขอให้เป็นสีเขียว ตามมาตรฐานของ LINE ลูกค้าคุ้นเคยมากกว่า เห็นปุ่มก็เข้าใจได้เลย อาจจะมีการวางปุ่มในหลายตำแหน่งของหน้าเพจเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำคอนเวอร์ชั่น
– ทดสอบโฆษณาแบบ A/B Testing: การปรับแต่งเว็บไซต์ และทำการทดสอบโฆษณ เพื่อดูว่าการปรับแต่งแบบไหนให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุงโฆษณาของคุณ
โดยปกติ จำนวนคอนเวอร์ชั่นที่เพิ่มขึ้น คือเป้าหมายหลักของการ optimize Google Ads เพราะเป็นตัวชี้วัดว่า คุณสามารถบริหารงบโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้แคมเปญของคุณให้ผลตอบแทนสูงสุด
- Auction Insight: การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้การประมูล
Auction Insight เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจสถานะของแคมเปญโฆษณาของคุณ และช่วยบอกทิศทางของผลลัพธ์ในการปรับแต่งแคมเปญโฆษณา โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ลงโฆษณาในกลุ่มคีย์เวิร์ดเดียวกัน โดยจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลโฆษณา เช่น ส่วนแบ่งการแสดงผล (Impression Share), การจัดอันดับ (Ad Position) และส่วนแบ่งการแสดงผลในระดับสูงสุด (Top of Page Rate) การใช้ข้อมูลจาก Auction Insight จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาได้ดีขึ้น ดังนี้:
– เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: ข้อมูล Impression Share จะแสดงให้เห็นว่าโฆษณาของคุณ แสดงผลได้มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ลงโฆษณาในคีย์เวิร์ดเดียวกัน หากคู่แข่งแสดงผลมากกว่า คุณอาจต้องเพิ่มงบโฆษณาหรือปรับปรุงคุณภาพของโฆษณา เพื่อช่วยทำให้ Impressoin Share เพิ่มมากขึ้น
– ปรับปรุงกลยุทธ์การเสนอราคา: หากจำนวนเปอร์เซ็นต์ของ Top of Page Rate ที่ต่ำ แสดงว่าคุณไม่สามารถแสดงผลในตำแหน่งสูงสุดได้บ่อยครั้ง อาจพิจารณาเพิ่มราคาประมูล (Bid) หรือปรับกลยุทธ์การประมูล เพื่อเน้นการแสดงผลในต่ำแหน่งบนให้มากขึ้น
– ประเมินคุณภาพของโฆษณา: คุณอาจจะดูข้อมูล Quality Score เพิ่มเติม เพื่อช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ และสอดคล้องกับ คีย์เวิร์ดที่ใช้ในการทำโฆษณา ซึ่งเป็นการปรับแต่งโฆษณาที่สามารถช่วยให้คุณชนะการประมูลได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มงบมากนัก
สรุป วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads
การเพิ่มประสิทธิภาพ Google Ads เป็นกิจกรรมที่ผู้ลงโฆษณาต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ขอให้คุณรู้จักใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ อย่างเหมาะสม การเน้นปรับปรุงในหัวข้อ Search Term, Negative Keyword, Add New Keyword, Conversion Rate และ Auction Insight จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มผลลัพธ์จากการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น การเพิ่มโอกาสในการแสดงผล และการเพิ่มอัตราการแปลง ให้โฆษณาของคุณทำงานได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น
SMEJUMP คือ เอเจนซี่โฆษณาออนไลน์ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Premier Google Partner ประจำประเทศไทย มีประสบการณ์ทำโฆษณา Google Ads มากกว่า 10 ปี
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ