โฆษณารูปแบบ GDN คืออะไร? เหมาะกับใคร?
GDN คืออะไร เป็นโฆษณารูปแบบไหน ดูได้เลย!
GDN คืออะไร: Google Display Network เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน
การโฆษณาออนไลน์ในปัจจุบันมีหลากหลายแพลตฟอร์มและรูปแบบเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในเครื่องมือที่นิยมใช้คือ Google Display Network (GDN) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Google Ads โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาในเว็บไซต์พันธมิตรต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube และแอปพลิเคชันมือถือ
นอกจากนี้ โฆษณาในรูปแบบนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้ โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อเว็บไซต์แต่ละแห่งเพื่อลงโฆษณาเอง ในบทความนี้ ผู้เขียนทำงานเป็นเอเจนซี่โฆษณา และ เป็นบริษัทรับทำโฆษณา Google Ads โดยตรง เราจะมาทำความรู้จักกับ GDN โดยละเอียด พร้อมทั้งประโยชน์ ข้อดีข้อเสีย ข้อมูลขนาดภาพที่ควรรู้สำหรับการออกแบบ และเปรียบเทียบกับ Facebook Ads เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
GDN คืออะไร? ทำความรู้จักกับ Google Display Network
Google Display Network (GDN) คือ เครือข่ายการแสดงโฆษณาของ Google ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบโฆษณาภายใต้ Google Ads ซึ่งสามารถแสดงโฆษณาในรูปแบบของภาพและวิดีโอ YouTube บนเว็บไซต์พันธมิตรต่างๆ และแพลตฟอร์มพันธมิตรที่หลากหลาย รวมถึงแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งครอบคลุมกว่า 90% ของเว็บไซต์และแอปทั่วโลก ทำให้ธุรกิจสามารถกระจายการโฆษณาไปถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่มีจำนวนมหาศาล โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเพียงแค่การค้นหาใน Google Search เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น โฆษณาใน GDN จะแสดงในรูปแบบต่างๆ เช่น แบนเนอร์ รูปภาพ วิดีโอ และโฆษณาประเภทอื่นๆ ตามที่ธุรกิจเลือกใช้ โดยจะถูกแสดงในเว็บไซต์พันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่โฆษณาต้องการเน้น รวมถึง YouTube และแอปบนมือถือที่เป็นพันธมิตรของ Google เว็บไซต์พันธมิตรเหล่านี้อาจรวมถึงเว็บไซต์ชื่อดังในประเทศไทย เช่น ไทยรัฐ, เดลินิวส์, sanook เป็นต้น
ส่งผลให้ การใช้ GDN จะช่วยสร้างการรับรู้ในระดับกว้างขวาง และเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงผู้ใช้งานที่ไม่ได้ใช้ Google Search เป็นประจำ แต่มีโอกาสสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกัน
ประโยชน์ของการใช้ GDN สำหรับธุรกิจ
การโฆษณาบน GDN มอบประโยชน์หลายประการให้กับธุรกิจ ดังนี้
1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว้างขวางและหลากหลาย
GDN ครอบคลุมเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมาก ทำให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้ในปริมาณที่กว้างและหลากหลาย ครอบคลุมทั้งผู้ที่ใช้งาน Google Search และผู้ที่ไม่ใช้งาน นอกจากนี้ จุดเด่นของ GDN ยังอยู่ที่การสร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยการแสดงโฆษณาด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ตัวอย่างเช่น ด้วยงบโฆษณา 10,000 บาท โฆษณาอาจจะแสดงได้ถึง 400,000 – 500,000 ครั้ง ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างคุ้มค่า
2. ปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย
Google มีระบบการปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียด เช่น การเลือกกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ, การกำหนด เพศ อายุ พื้นที่แสดงโฆษณา หรือ สามารถระบุเว็บไซต์ที่ต้องการแสดงโฆษณาได้ ถ้าเว็บไซต์นั้นเป็นเว็บไซต์พันธมิตร ตัวอย่างเช่น สามารถเลือกแสดงเฉพาะเว็บไซต์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ สามารถทำ remarketing ที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณแสดงกับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน นี่เป็นประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจในสินค้าและบริการ
3. ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์
ด้วยความที่โฆษณาใน GDN มีรูปแบบที่เป็นภาพและวิดีโอ ทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างสร้างสรรค์และเพิ่มความจดจำต่อแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ด้วยความสามารถในการสร้างการแสดงผลจำนวนมาก GDN จึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้และทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ การออกแบบภาพแบนเนอร์ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ธุรกิจที่ต้องการ เช่น การใช้สี สโลแกน หรือองค์ประกอบกราฟิกต่างๆ จะช่วยส่งเสริมการรับรู้และสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม
4. ราคาที่คุ้มค่า
ระบบการโฆษณาของ Google Ads ให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเลือกใช้รูปแบบการคิดค่าบริการตามการคลิก (CPC) หรือตามการแสดงผล (CPM) ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกแผนการโฆษณาที่เหมาะสมตามเป้าหมายและงบประมาณที่มี หากเน้นการแสดงผล (impression) หรือเน้นจำนวนการเข้าเว็บไซต์ โฆษณาในรูปแบบนี้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีในต้นทุนที่ไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับโฆษณาออนไลน์รูปแบบอื่นๆ
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ GDN
ข้อดีของ GDN
– การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวาง: ด้วยเครือข่ายของ Google ที่ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์และแอปบนมือถือ โฆษณาจึงสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้หลากหลายกลุ่ม ข้อดีอีกอย่างคือ โฆษณาใน GDN เป็นรูปแบบ pay per click คุณจะเสียค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีคนคลิกที่ภาพโฆษณาของคุณ แต่เนื่องจากโฆษณา GDN มีอัตราการคลิกที่ต่ำมาก
ทำให้โฆษณาของคุณสามารถแสดงผลได้หลายครั้งในวงกว้างก่อนที่งบประมาณแต่ละบาทจะหมด ซึ่งเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้างด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
– การโฆษณาด้วยสื่อภาพและวิดีโอ: การแสดงโฆษณาในหลากหลายรูปแบบเป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์สมัยใหม่ เพราะลูกค้าดูคอนเทนต์หลายรูปแบบ ทั้งภาพและวิดีโอ ทำให้โฆษณามีความน่าสนใจและสามารถสร้างการจดจำต่อแบรนด์ได้มากขึ้น
– การควบคุมงบประมาณ: โฆษณา GDN มีรูปแบบการคิดค่าบริการที่คล้ายกับโฆษณาอื่นๆ ของ Google Ads โดยคุณสามารถกำหนดงบประมาณรายวันได้ ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการคิดค่าบริการที่ยืดหยุ่น คุณสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายต่อคลิก (CPC) หรือต่อการแสดงผล (CPM) ได้ตามเป้าหมายและงบประมาณที่กำหนด
ข้อเสียของ GDN
– อัตราการคลิก (CTR) ต่ำกว่าโฆษณาใน Search Ads: ข้อนี้สามารถเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย หากคุณต้องการอัตราการคลิกที่สูง โฆษณา GDN อาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากการแสดงโฆษณาในวงกว้างทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่สามารถเฉพาะเจาะจงได้เท่ากับ Search Ads
อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการคลิกที่ต่ำ ทำให้เงินโฆษณาของคุณหมดช้าลง ส่งผลให้โฆษณาสามารถแสดงได้ด้วยจำนวนครั้งที่สูงกว่า Search Ads ซึ่งช่วยเพิ่มการสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เจาะจง: เนื่องจากการเลือกกลุ่มเป้าหมายใน GDN ใช้การกำหนดความสนใจ (Affinity), เนื้อหาของเว็บไซต์ (Topics) หรือการเลือกเว็บไซต์ที่ต้องการให้แสดงโฆษณา (Placement) ทำให้การกำหนดกลุ่มคนเป้าหมายไม่สามารถเฉพาะเจาะจงได้เท่ากับการใช้ Search Ads บางครั้งโฆษณาอาจแสดงในเว็บไซต์หรือแอปที่ไม่ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ส่งผลให้การใช้จ่ายบางส่วนอาจไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
ขนาดภาพสำหรับ GDN ที่ควรรู้สำหรับการออกแบบ
การออกแบบโฆษณาสำหรับ GDN มีข้อกำหนดที่สำคัญเกี่ยวกับขนาดของภาพ เนื่องจากการแสดงผลที่หลากหลาย เราแนะนำให้ทำโฆษณาทุกขนาดที่ Google กำหนด เพื่อให้โฆษณาของคุณสามารถแสดงได้อย่างกว้างขวางที่สุด และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกที่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกใช้ Responsive Display Ads ซึ่งเป็นโฆษณารูปแบบที่ผสมผสานตัวหนังสือและภาพนิ่ง ทำให้สามารถแสดงผลได้ในทุกตำแหน่งที่ Google รองรับอย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดของภาพที่นิยมสำหรับ GDN มีดังนี้:
– Banner ขนาดมาตรฐาน: 468 x 60 พิกเซล
– Large Banner: 728 x 90 พิกเซล
– Half Page: 300 x 600 พิกเซล
– Large Rectangle: 336 x 280 พิกเซล
– Medium Rectangle: 300 x 250 พิกเซล
– Mobile Leaderboard: 320 x 50 พิกเซล
– Wide Skyscraper: 160 x 600 พิกเซล
– Square: 250 x 250 พิกเซล
– Portrait: 300 x 1050 พิกเซล
การออกแบบที่สอดคล้องกับขนาดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงผลและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นบนเดสก์ท็อปหรือมือถือ
เปรียบเทียบ GDN กับ Facebook Ads
โฆษณาบน GDN และ Facebook Ads ต่างก็เป็นแพลตฟอร์มที่มีจุดประสงค์ในการเพิ่มการเข้าถึงและเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ แต่มีลักษณะการทำงานและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน โฆษณา Facebook Ads ที่เทียบเคียงได้กับ GDN คือโฆษณาประเภทที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่ม Traffic โดยเมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา ระบบจะพาผู้คลิกไปยังเว็บไซต์ที่กำหนด ซึ่งช่วยในการดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์และเพิ่มโอกาสในการทำ Conversion
แพลตฟอร์ม | GDN | Facebook Ads |
เป้าหมาย | การเพิ่มการรับรู้ (Brand Awareness) และเพิ่มการมีส่วนร่วมผ่านเว็บไซต์ | การเข้าถึงผู้ใช้ที่เจาะจงตามความสนใจเฉพาะและการสร้างปฏิสัมพันธ์ |
รูปแบบโฆษณา | แบนเนอร์รูปภาพ, วิดีโอ | โพสต์แบบรูปภาพ, วิดีโอ |
การเข้าถึงผู้ใช้ | กลุ่มเป้าหมายที่กว้างและหลากหลายทั่วโลก | กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ Facebook/Instagram/Audience Network |
การกำหนดเป้าหมาย | สามารถเลือกตามความสนใจ Affinity และการทำ remarketing | การกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามเพศ, อายุ, และความสนใจ Interest ได้อย่างละเอียดกว่า และสามารถทำ retargeting ได้ |
สรุป: GDN คืออะไร และเหมาะกับใคร
การใช้ Google Display Network (GDN) เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในปริมาณมาก และสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ด้วยรูปแบบโฆษณาที่น่าสนใจ เราแนะนำให้ทำโฆษณา GDN เสริมกับการทำ Search Ads เพื่อเพิ่มลูกค้าใหม่ในระดับ Top Funnel ให้เข้ามาในเว็บไซต์
นอกจากนี้ GDN ยังสามารถใช้เป็นทางเลือกที่ดีในการทำโฆษณา หากคุณต้องการหารูปแบบโฆษณาอื่นๆ นอกเหนือจาก Facebook Ads เพราะ GDN สามารถเลือกความสนใจ (Affinity) ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรคำนึงถึงข้อดีข้อเสียและการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การเลือกขนาดภาพที่เหมาะสมและการออกแบบที่ดึงดูดก็เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ GDN ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ