เผยเคล็ดลับ Productivity สำหรับคนทำงาน

เคล็ดลับ Productivity สำหรับคนทำงาน ไม่ได้หมายถึงการทำงานหนักขึ้น แต่หมายถึงการทำงานให้ชาญฉลาดขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดหลักที่ Jim Kwik สอนในหนังสือ Limitless

เคล็ดลับ Productivity สำหรับคนทำงาน

Productivity ไม่ได้หมายถึงการทำงานหนักขึ้น แต่หมายถึงการทำงานให้ชาญฉลาดขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดหลักที่ Jim Kwik สอนในหนังสือ Limitless เขากล่าวว่าเราทุกคนสามารถปลดล็อกศักยภาพของตัวเองได้ หากเข้าใจและใช้ 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ Mindset (กรอบความคิด), Motivation (แรงจูงใจ), และ Methods (วิธีการ) หากเราปรับทั้งสามสิ่งนี้ได้ Productivity ของเราจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด

คนทำงานหลายคนพยายามจะหาวิธีสร้าง Productivity ในการทำงาน โดยหาทางลัด เรียนรู้การใช้เทคนิค หรือแอปต่างๆ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ผล เคล็ดลับที่แท้จริงอาจจะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ SME Jump เอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์ เราขอสรุปใจความสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้าง Productivity ให้กับตัวคุณได้แบบยั่งยืน

เคล็ดลับ Productivity สำหรับคนทำงาน

1. Mindset (กรอบความคิด)

Mindset หรือ “the WHAT” คือ ความเชื่อ ทัศนคติ และสมมติฐานที่ฝังลึก ซึ่งเราสร้างขึ้นเกี่ยวกับตัวเราเอง วิธีการทำงานของโลก สิ่งที่เรามีความสามารถและสมควรได้รับ ตลอดจนสิ่งที่เป็นไปได้ในชีวิตของเรา หากเราตระหนักถึงกรอบความคิดของตนเองและเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ เราจะสามารถปลดล็อกศักยภาพของเราได้อย่างแท้จริง

หลายคนมักมี Limiting Beliefs หรือความเชื่อที่ฉุดรั้งตนเอง เช่น “ฉันทำได้แค่นี้เพราะไม่มีเวลา” หรือ “ฉันอายุมากแล้วคงเรียนรู้ไม่ได้” ซึ่งในความเป็นจริง สมองของเราสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา สิ่งที่เราต้องทำคือเปลี่ยนความคิดจาก Fixed Mindset เป็น Growth Mindset แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่มีเวลา” ให้ลองเปลี่ยนความคิดเป็น “ฉันจะจัดการเวลาให้ดีขึ้น” ซึ่งจะช่วยให้เรามองหาโอกาสในการพัฒนาตนเองได้มากขึ้น

2. Motivation (แรงจูงใจ)

Motivation หรือ “the WHY” คือ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการลงมือทำ เป็นพลังงานที่ผลักดันให้เราปฏิบัติตัวในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เมื่อเรามีแรงจูงใจที่ชัดเจน เราจะสามารถขับเคลื่อนตัวเองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

Jim Kwik กล่าวว่า Productivity ไม่ได้เกิดจากการพยายามผลักดันตัวเองให้ทำงานหนักขึ้น แต่เกิดจาก แรงจูงใจ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่:

  1. Purpose (เป้าหมายที่ชัดเจน)
    • ถ้าเรารู้ว่าเราทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร เราจะมีพลังในการทำงานมากขึ้น
  2. Energy (พลังงาน)
    • Productivity ไม่ได้หมายถึงการทำงานตลอดทั้งวัน แต่หมายถึงการดูแลตัวเองให้มีพลัง เช่น การนอนให้เพียงพอ การกินอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกาย เพราะสมองใช้พลังงานสูงในการทำงาน
  3. Small, Simple Steps (ก้าวเล็กๆ ที่ทำได้จริง)
    • หลายคนล้มเลิกเพราะตั้งเป้าหมายใหญ่เกินไป วิธีที่ดีกว่าคือเริ่มจาก ก้าวเล็กๆ เช่น ถ้าอยากอ่านหนังสือมากขึ้น อย่าเริ่มจาก 1 ชั่วโมงต่อวัน แต่ให้เริ่มจาก วันละ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มขึ้น

3. Methods (วิธีการ)

Method หรือ “the HOW” คือ กระบวนการที่ชัดเจนสำหรับการบรรลุเป้าหมาย โดยเป็นวิธีการที่มีลำดับขั้นตอน เป็นระบบ และมีเหตุผลที่ชัดเจนในการนำไปใช้ ซึ่งช่วยให้เราสามารถปฏิบัติตามและสร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

Jim Kwik แนะนำ The FASTER Method ซึ่งช่วยให้เราเรียนรู้เร็วขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ตัวย่อ FASTER:

  • F – Forget (ลืมสิ่งรบกวน)

สิ่งสำคัญที่สุดในข้อนี้คือ การกำจัดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนสมาธิของคุณ มี 3 สิ่งที่ควรลืม (อย่างน้อยชั่วคราว):

  1. สิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว – เพื่อเปิดใจรับข้อมูลใหม่และมุมมองที่แตกต่าง
  2. สิ่งที่ไม่เร่งด่วน – มุ่งเน้นที่สิ่งที่สำคัญและจำเป็นในขณะนั้น
  3. ข้อจำกัดของคุณเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือข้อจำกัดที่คิดไปเองมาฉุดรั้งความสามารถของคุณ
  • A – Active (มีส่วนร่วมในการเรียนรู้)
    • การฟังหรืออ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องลอง ลงมือทำ เขียนสรุป หรือพูดให้คนอื่นฟัง การศึกษาแบบดั้งเดิมทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการแบบพาสซีฟ แต่แท้จริงแล้วการเรียนรู้ไม่ใช่กีฬาสำหรับผู้ชม สมองของมนุษย์เรียนรู้ได้มากขึ้นจากการสร้างสรรค์ มากกว่าการรับข้อมูลเพียงอย่างเดียว ลองถามตัวเองว่าคุณจะทำให้การเรียนรู้ของตัวเองมีความกระตือรือร้นมากขึ้นได้อย่างไร
  • S – State (ควบคุมสภาวะอารมณ์และพลังงาน)
    • ถ้าคุณเหนื่อยหรือเครียด Productivity จะลดลง ควรหาเวลาพักและดูแลตัวเอง สภาวะทางอารมณ์ของคุณเป็นภาพสะท้อนปัจจุบันของความรู้สึก ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากความคิดและสภาพร่างกายของคุณ ลองเปลี่ยนท่าทางหรือฝึกหายใจให้ลึกขึ้น แล้วเลือกที่จะอยู่ในสภาวะของความสุข ความหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็นอย่างมีสติ
  • T – Teach (สอนสิ่งที่เรียนรู้ให้คนอื่น)
    • ถ้าคุณสามารถอธิบายสิ่งที่เรียนรู้ให้คนอื่นเข้าใจได้ แสดงว่าคุณเข้าใจมันอย่างแท้จริง หากคุณต้องการลดระยะเวลาการเรียนรู้ลงอย่างมาก ให้เรียนรู้ด้วยเจตนาที่จะสอนข้อมูลนั้นให้กับผู้อื่น
  • E – Enter (เข้าสู่โหมดโฟกัส)
    • ใช้เทคนิค Deep Work หรือ Pomodoro Technique ทำงาน 25 นาทีแล้วพัก 5 นาที วิธีนี้ช่วยให้สมองไม่ล้าและโฟกัสได้นานขึ้น
    • นอกจากนี้ หากสิ่งที่คุณต้องทำไม่ได้อยู่ในปฏิทินของคุณ มีโอกาสสูงที่มันจะไม่ถูกทำ อย่าลืมกำหนดช่วงเวลาสำหรับการลงทุนในตัวเอง แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นาทีต่อวันก็ตาม
  • R – Review (ทบทวนสิ่งที่เรียนรู้)
    • หากไม่ทบทวน สมองจะลืมเร็ว ควร ทบทวนสิ่งที่เรียนเป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้จำได้ดีขึ้น การจดจำข้อมูลได้ดีขึ้นเกิดจากการทบทวนหลายๆ ครั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ลองสร้างนิสัยในการสะท้อนสิ่งที่เรียนรู้ในแต่ละวัน และทำการทบทวนสิ่งที่เรียนในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ

การดูแลสมอง (Brain Optimization)

อีกเรื่องที่สำคัญคือการ ดูแลสมองของเรา เพราะ Productivity ไม่ได้หมายถึงการทำงานเยอะขึ้น แต่ต้องทำให้สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การมุ่งเน้นเทคนิค หรือวิธีต่างๆ เพื่อสร้าง Productivity อาจจะไม่ได้ผลเสมอไป ถ้าไม่รู้จักรักษาสุขภาพสมองของคุณ เพราะสมองเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมาก และใช้พลังงานมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอวัยวะอื่นๆ ซึ่งสามารถทำได้โดย:

  • กินอาหารที่ดีต่อสมอง เช่น ไขมันดีจากอะโวคาโด วอลนัท และปลาแซลมอน
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพราะการนอนช่วยให้สมองรีเซ็ตและจัดเก็บข้อมูล
  • ออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง
  • ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) เพื่อช่วยลดความเครียดและเพิ่มสมาธิ

Key Takeaways: เคล็ดลับ Productivity สำหรับคนทำงาน

Productivity ไม่ใช่การทำงานหนักขึ้น แต่เป็น การทำงานอย่างชาญฉลาด โดยการพัฒนา Mindset, Motivation และ Methods ให้ดีขึ้น พร้อมกับดูแลสมองให้พร้อมใช้งานเสมอ ถ้าคุณสนใจเรื่อง Productivity มากขึ้น อย่าลืมกดติดตาม เพื่อรับเทคนิคใหม่ๆ ทุกสัปดาห์!

Jim Kwik คือใคร

Jim Kwik เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้ การพัฒนาสมอง และความจำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเป็นผู้ก่อตั้ง Kwik Learning และเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรชั้นนำต่างๆ เช่น Google, Nike และ SpaceX รวมถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง เขาเป็นผู้เขียนหนังสือ Limitless ซึ่งนำเสนอแนวทางในการเพิ่มศักยภาพของสมองและพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์

ผลงานที่โดดเด่นของเขา ได้แก่:

  • การพัฒนาเทคนิคการเรียนรู้เร็วและการอ่านเร็วที่ช่วยให้ผู้คนนับล้านปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนรู้
  • การเป็นวิทยากรระดับโลกที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการฝึกสมองและการพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล
  • การฝึกอบรมบุคคลสำคัญ เช่น นักแสดง ผู้บริหาร และนักกีฬา ให้สามารถใช้สมองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ส่งข้อมูลถึงเรา

ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!

    ชื่อ-สกุล
    มือถือ
    E-Mail
    ข้อความ


    คุยกับเราทางไลน์

    เพิ่มเพื่อน

    ข้อมูลบริษัท

    บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด 

    79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240

    เลขประจำตัวผู้เสียภาษี  0105556135494

    Email: contact@smejump.com

    Tel: 02-100-6872, 02-100-6873

    LINE : @smejump

    จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.

    เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ