เทคนิคสร้างยอดคลิกพุ่ง! Call to Action คืออะไร?
Call to Action คืออะไร? เรามาดูกัน
Call to Action คืออะไร? เทคนิคสร้าง CTA ให้คนคลิกจนยอดพุ่ง!
คุณเคยไหมครับ ลงโฆษณาไปแล้ว คนเห็นเยอะ แต่ไม่มีใครคลิก ไม่มีใครซื้อ หรือแม้แต่เข้ามาสอบถาม? ปัญหานี้อาจจะไม่ได้อยู่ที่สินค้าของคุณเสมอไป แต่อาจเกิดจากการขาด Call to Action (CTA) ที่มีประสิทธิภาพบนรายละเอียดสินค้า หรือข้อความโฆษณาของคุณ
Call to Action หรือ CTA หมายถึงข้อความที่กระตุ้นให้ผู้อ่านหรือลูกค้าทำบางอย่างที่คุณต้องการ เช่น การคลิกปุ่ม ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก หรือดาวน์โหลดไฟล์ฟรี การเขียน CTA ที่ดีมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผู้ที่แค่สนใจให้กลายเป็นลูกค้า
SME Jump บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ ขอนำเสนอบทความเพื่ออธิบายว่า Call to Action คืออะไร ข้อดีที่คุณจะได้รับ ข้อควรระวัง และเทคนิคการทำ CTA ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Call to Action คืออะไร?
Call to Action คือ ข้อความ กระบวนการ หรือองค์ประกอบที่ใช้กระตุ้นให้ผู้ชมทำบางสิ่งที่คุณต้องการ หลังจากที่เข้ามาในเว็บไซต์ หรืออ่านโพสต์ต่างๆ ที่คุณนำเสนอสินค้าหรือบริการ เช่น คลิก สมัคร ดาวน์โหลด หรือซื้อสินค้า โดย CTA จะอยู่ในรูปแบบคำพูดที่ชัดเจนและดึงดูดความสนใจ เช่น “ช้อปเลย ก่อนของหมด!” หรือ “สมัครวันนี้รับส่วนลดทันที”
CTA มีความสำคัญต่อการตลาดออนไลน์และการขายสินค้า เป็นหนึ่งปัจจัยในการช่วยปิดการขาย เพราะช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างความสนใจของผู้ชมกับการลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้า และลงมือทำในสิ่งที่คุณต้องการ บนหน้าเว็บไซต์ หรือบนโพสต์โซเชียลมีเดียที่คุณนำเสนอ
ข้อดีของการใช้ Call to Action ที่มีประสิทธิภาพ
1. เพิ่ม Conversion Rate
CTA ที่ดีช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมทำสิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องการอาจจะไม่ใช้เพียงการสั่งซื้อเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นการติดต่อ และการกรอกข้อมูล ซึ่งคุณจำเป็นต้องวางโครงสร้างของการนำเสนอข้อมูล และ กำหนด CTA ให้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำการตลาดออนไลน์ เช่น กดซื้อสินค้า สมัครบริการ การโทรติดต่อ หรือกรอกข้อมูล การวางแผน CTA ที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่ม Conversion Rate และส่งผลให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้น
2. สร้างความเร่งด่วน
การใช้ CTA ในการสร้างความรู้สึกเร่งด่วน เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้ในการเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจ โดย CTA แนวนี้จะโฟกัสไปที่ความรู้สึกกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ร่วมกับโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเวลาต่างๆ โดยเล่นในเรื่องจำนวน ปริมาณ หรือเวลา เช่น “รีบด่วน! จำนวนจำกัด 100ชิ้นเท่านั้น” หรือ “สมัครภายในสิ้นเดือนนี้ ก่อนโปรหมด”&x20;
3. ช่วยนำทางลูกค้า
การใช้ CTA นอกจากจะใช้เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากระทำ ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยนำทางลูกค้าอีกด้วย เปรียบเสมือนคู่มือที่บอกลูกค้าว่าขั้นตอนต่อไปควรทำอะไร เช่น คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือโทรหาทีมงานทันที เพื่อช่วยลดความสับสน ทำให้ข้อมูลที่คุณนำเสนอเข้าใจง่าย และทำตามได้ง่ายมากขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติม:
คุณจำเป็นต้องออกแบบ และวางกลยุทธ์ในการวัดผลคอนเวอร์ชั่นให้ชัดเจน เช่น ถ้าส่งลูกค้าเป้าหมายมาที่เว็บไซต์ คุณต้องการให้พวกเขาทำอะไรหลังจากอ่านคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ เช่น ต้องการให้กดปุ่มสั่งซื้อ กดปุ่มไลน์เพิ่มเพื่อน หรือ กรอกข้อมูลลงทะเบียน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลือกใช้ CTA ที่สอดคล้อง พร้อมทั้งวางตำแหน่ง CTA ได้อย่างเหมาะสม
ข้อควรระวังในการสร้าง Call to Action
1. อย่าใช้คำที่ซับซ้อนเกินไป
ข้อความ CTA ควรเข้าใจง่าย ไม่ควรยาวหรือใช้คำศัพท์ที่ยุ่งยาก อย่าให้ลูกค้าคิดเยอะในเงื่อนไขที่ต้องตัดสินใจ เพราะอาจทำให้ผู้ชมไม่สนใจ หรือทำให้สับสนและลังเลในการตัดสินใจกระทำตาม CTA
2. อย่าลืมใส่คุณค่า
ลูกค้าจะไม่คลิก CTA หากไม่เห็นว่าการกระทำนั้นจะให้ประโยชน์อะไรกับพวกเขา คุณอาจจะลองจินตนาการเป็นลูกค้า เมื่อคุณอ่านคอนเทนต์และ CTA ที่คุณเขียน คุณจะกดปุ่มไลน์เพิ่มเพื่อนหรือไม่ แน่นอนคุณจะไม่กด ถ้าการเพิ่มเพื่อนไม่มีประโยชน์ใดๆสำหรับตัวคุณ ดังนั้นคุณควรใส่คุณค่าที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใน CTA เช่น ส่วนลด การทดลองใช้ฟรี หรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ
3. ตำแหน่งไม่เหมาะสม
ตำแหน่งการวาง CTA มีผลต่ออัตราการคลิกเป็นอย่างมาก การวาง CTA ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นหรือไม่เด่นพอ อาจทำให้ข้อความของคุณถูกมองข้าม ดังนั้นควรพิจารณาการวาง CTA ในตำแหน่ที่เหมาะสมสอดคล้องกับคอนเทนต์ที่คุณนำเสนอ เช่น การวาง CTA บนหน้าเว็บไซต์ คุณควรนำเสนอคอนเทนต์อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอคอนเทนต์ที่สอดคล้องกับข้อความโฆษณาที่คุณดึงลูกค้าให้เข้ามาเป็นอันดับแรก เพื่อทำให้ลูกค้าพึงพอใจที่ได้รับข้อมูลตามที่เขาต้องการ หลังจากนั้นคอนเทนต์ถัดลงมาควรเป็นการแสดงเหตุผลว่าทำไมลูกค้าควรซื้อสินค้าของคุณ เช่น ข้อดีของสินค้า ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และความสามารถในการแก้ปัญหา คอนเทนต์ถัดลงมาควรเป็น คอนเทนต์ส่งเสริมการตัดสินใจซื้อ เช่น รีวิวจากผู้ใช้ คำรับรองจากสถาบันหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ
เมื่อลูกค้าถูกบ่มเพาะด้วยคอนเทนต์ที่คุณจัดเรียงครบด้วย สุดท้ายคือการแสดง CTA เพื่อให้ลูกค้ากระทำในสิ่งที่คุณต้องการ ซึ่งอาจจะแสดงเงื่อนไขเวลา หรือจำนวน เพื่อเร่งการตัดสินใจของลูกค้า ทั้งหมดของตัวอย่างนี้ คือการวางโครงสร้างคอนเทนต์ และตำแหน่ง CTA ที่เหมาะสม
เทคนิคการทำ Call to Action ให้มีประสิทธิภาพ
1. ใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึกเร่งด่วน
คนส่วนใหญ่มักลังเลก่อนตัดสินใจ ข้อความ CTA ควรเน้นให้กระทำสิ่งเดียวเพื่อความชัดเจน และใช้คำที่สร้างความรู้สึกรีบเร่ง เร่งด่วน เช่น “ตอนนี้เท่านั้น” หรือ “รีบด่วน! จำนวนจำกัด” ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าไม่พลาดโอกาส ตัวอย่าง:
– “ช้อปเลย ก่อนของหมด!”
– “สมัครวันนี้ รับฟรีทันที!”
2. ทำให้ชัดเจนและกระชับ
ข้อความ CTA ควรตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย อย่าให้ทำให้ลูกค้าคิดเยอะ เช่น “คลิกดูรายละเอียด” หรือ “โทรหาเราได้เลย” ตัวอย่าง:
– “ดาวน์โหลดคู่มือฟรี”
– “สมัครสมาชิกตอนนี้”
3. สร้างความคุ้มค่าในข้อความ
ให้ลูกค้ารู้สึกว่าการคลิกนั้นจะได้ประโยชน์สำหรับลูกค้า หรือลูกคัาไม่เสียอะไร อย่างงัยก็คุ้ม เช่น “ส่วนลด 50% สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก” หรือ “ทดลองใช้ฟรี 7 วัน” ตัวอย่าง:
– “จองวันนี้ ลดค่าแรกเข้าทันที 50%”
– “ดาวน์โหลดฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย”
4. ใช้คำที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำ
เลือกใช้คำที่มีพลังใน CTA จะช่วยดึงดูดใจและกระตุ้นให้ลูกค้าลงมือทำทันที ตัวอย่าง:
– “ทดลองฟรีวันนี้”
– “สร้างสุขภาพ
– “เริ่มต้นเส้นทางความสำเร็จของคุณที่นี่”
5. ปรับ CTA ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
การเขียน CTA ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ตัวอย่าง:
– สำหรับวัยรุ่น: “คลิกเลย สนุกก่อนใคร!”
– สำหรับแม่และเด็ก: “เริ่มต้นวันนี้ เพื่อความสุขของลูกน้อย”
– สำหรับนักธุรกิจ: “คลิกเพื่อรับสิทธ์พิเศษ สำหรับธุรกิจ SME”
6. วางตำแหน่ง CTA ให้เหมาะสม
การวาง CTA ไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย เช่น ด้านบนของหน้าเว็บ วาง CTA เป็นระยะตามความยาวของหน้าเว็บไซต์ ปุ่มที่ชัดเจนและโดเด่นในอีเมล หรือข้อความ CTA ที่ชัดเจนในแคปชั่นโฆษณา จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะคลิก
ตัวอย่าง Call to Action ที่น่าสนใจ นำไปใช้ได้ทันที!
1. “สมัครวันนี้ รับส่วนลดพิเศษทันที!”
2. “ดาวน์โหลดฟรี! คู่มือใช้งานฉบับมืออาชีพ”
3. “กดติดตาม เพื่อไม่พลาดข่าวสารล่าสุด”
4. “ช้อปเลย โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะวันนี้!”
5. “จองคิวของคุณตอนนี้ ก่อนเต็ม!”
6. “เริ่มต้นลงทุนวันนี้ พร้อมคำแนะนำฟรีจากผู้เชี่ยวชาญ!”
7. “ลองใช้บริการฟรี 30 วัน ไม่มีข้อผูกมัด”
8. “ปลดล็อกความรู้ด้วย E-book ฟรี เพียงสมัครสมาชิก”
9. “อย่าพลาด! โปรโมชั่นหมดเขตเที่ยงคืนนี้”
10. “รับส่วนลดทันที 20% เมื่อสมัครตอนนี้”
11. “ทดลองฟรี คลิกเพื่อเริ่มต้นเลย”
12. “เปิดบัญชีฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”
13. “เข้าร่วมกับเราเพื่อสิทธิพิเศษมากมาย”
14. “ดูรีวิวจากลูกค้าของเราที่นี่”
15. “อัพเดทข่าวสารล่าสุด กดติดตามเลย!”
16. “เพิ่มลงในรถเข็น แล้วช้อปให้จุใจ”
17. “รับคำปรึกษาฟรี คลิกเลย”
18. “จองวันนี้ รับข้อเสนอพิเศษ”
19. “ช้อปทันที ส่งฟรีทั่วไทย”
20. “ดูสินค้ายอดนิยมของเราได้ที่นี่”
21. “แอดไลน์รับข้อมูลอัปเดต พร้อมโปรพิเศษ”
22. “เริ่มลดน้ำหนักวันนี้ ด้วยวิธีง่ายๆ”
23. “โทรหาเราตอนนี้ เพื่อคำตอบที่คุณต้องการ”
24. “เลือกซื้อสินค้าใหม่ล่าสุดก่อนใคร”
25. “เพิ่มเพื่อนใน LINE เพื่อรับส่วนลด”
26. “ดูวิดีโอแนะนำบริการของเราที่นี่”
27. “เปลี่ยนชีวิตคุณใน 7 วัน เริ่มเลย!”
28. “ดาวน์โหลดแอปของเรา แล้วรับข้อเสนอสุดพิเศษ”
29. “สมัครเพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า”
30. “เริ่มสร้างอนาคตของคุณวันนี้ คลิกเลย!”
สรุป:
Call to Action (CTA) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่เสมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างคอนเทนต์ที่คุณนำเสนอและสิ่งที่คุณต้องการให้ลูกค้ากระทำ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้คลิก ซื้อ หรือสมัคร เทคนิคการเขียน CTA ที่ดีควรใช้คำที่กระตุ้นความเร่งด่วน สร้างความคุ้มค่า และสื่อสารอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย เพื่อเปลี่ยนความสนใจของลูกค้าให้กลายเป็นการลงมือทำ
อย่าลืมว่า CTA ไม่ใช่แค่ข้อความธรรมดา แต่คือสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างคอนเทนต์ที่คุณนำเสนอและการกระทำที่คุณต้องการจากลูกค้า นอกจากนี้ การใช้ CTA ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าใจสิ่งที่พวกเขาควรทำต่อไปหลังจากดูคอนเทนต์ของคุณ เริ่มต้นเขียน CTA ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพวันนี้ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในผลลัพธ์ของคุณ!
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ