รูปแบบโฆษณาที่ช่วยเพิ่มยอดขาย
3 รูปแบบโฆษณาที่ช่วยเพิ่มยอดขาย โฆษณา Google Ads และ Facebook Ads
3 รูปแบบโฆษณาที่ช่วยเพิ่มยอดขาย
จากประสบการณ์ของ SMEJMP บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ พวกเราใช้การทำโฆษณาออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการเพิ่มยอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการเน้นการขายสินค้าและบริการที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย แต่ความยากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำโฆษณาก็คือ โฆษณาออนไลน์มีหลายรูปแบบมาก และอาจจะสับสนไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้โฆษณารูปแบบไหนดีในการเน้นเพิ่มยอดขาย
ดังน้้นหากคุณกำลังมองหารูปแบบโฆษณาที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน บทความนี้จะแนะนำ 3 รูปแบบโฆษณาที่พวกเราเลือกใช้ในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
1. โฆษณาแบบ Search Ads บน Google
Search Ads เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของรูปแบบโฆษณาที่เน้นเพิ่มยอดขาย โดยการเจาะหาลูกค้าที่กำลังค้นหาข้อมูล และกำลังตัดสินใจซื้อ โดยใช้คีย์เวิร์ดเป็นตัวกำหนดกลุ่มเป้าหมาย โฆษณานี้จะแสดงผลบน Google และแสดงข้อมูลตามความต้องการเฉพาะเจาะจงของผู้ค้นหา โฆษณารูปแบบนี้ผู้ค้นหาส่วนใหญ่มีความต้องการซื้ออยู่แล้ว หรือกำลังหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจซื้อ การทำโฆษณา Search Ads จะทำให้โฆษณาของคุณปรากฏในเวลาที่เหมาะสมที่สุด เมื่อผู้ใช้งานค้นหาคำหรือคำถามที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
จุดเด่นของ Search Ads
– ตอบสนองต่อความต้องการทันที: ผู้ใช้มักมีความสนใจและพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อเมื่อค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าต้องการทันที ตัวอย่างของคีย์เวิร์ดเช่น เปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์, บริการรถลากจูง, ร้านซ่อมแอร์ใกล้ฉัน เป็นต้น
– ความหลากหลายของช่องทางการแสดงผล: นอกจาก Google Search โฆษณายังปรากฏใน Google Maps และ YouTube ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ เช่น โฆษณาแสดงบน Google Map สำหรับร้านค้า ร้านอาหาร คลินิก ที่ต้องการให้ลูกค้าเข้ามาที่ร้าน หรือ โฆษณาแสดงบน YouTube เมื่อลูกค้ากำลังค้นหาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถทำโฆษณา Performance Max เสริมกับการทำโฆษณา Search Ads ได้อีกด้วย ซึ่งเรียกว่า Power Pair ซึ่งจะส่งเสริมจำนวนคอนเวอร์ชั่นที่มากขึ้น
– เหมาะสำหรับธุรกิจเฉพาะทาง: ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการที่เฉพาะเจาะจง ลูกค้ามักค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ปั้มลมอุตสาหกรรม, คลินิกเสริมจมูก, ร้านทำมุ้งลวดนิรภัย
คำแนะนำเพิ่มเติม
เพื่อการวัดผลประสิทธิภาพของโฆษณา Search Ads คุณควรเลือกใช้การนำเสนอราคาแบบคอนเวอร์ชั่น และทำการติดตั้งคอนเวอร์ชั่นบนหน้าเว็บไซต์ที่ใช้ทำโฆษณา เพื่อช่วยให้ระบบโฆษณานำส่งโฆษณาโดยเน้นจำนวนคอนเวอร์ชั่นให้ได้มากที่สุด วิธีนี้จะช่วยทำให้เกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้น
2. โฆษณา Facebook และ Instragram แบบข้อความ
สินค้าบางอย่างอาจจะไม่เหมาะกับการนำเสนอบน Search Ads โดยเฉพาะสินค้าที่อาจจะต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นก่อนและกระตุ้นความต้องการของลูกค้า เช่น สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ และของตกแต่งบ้าน เป็นต้น สินค้าเหล่านี้เหมาะกับแพลตฟอร์ม Facebook มากกว่า โดยเลือกใช้การทำโฆษณา Facebook และ Instragram แบบข้อความ โฆษณาในรูปแบบนี้นำเสนอสินค้าด้วยภาพหรือวิดีโอ ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram อย่างมาก การเลือกใช้โฆษณาในรูปแบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพและเกิดความรู้สึกสนใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ในทางเทคนิคเมื่อคุณเลือกใช้โฆษณารูปแบบข้อความ Facebook จะนำส่งโฆษณาไปแสดงในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีโอกาสส่งข้อความ ทักเข้ามาในกล่องข้อความ โดย Facebook ดูพฤติกรรมการใช้ Facebook และเลือกนำส่งโฆษณาให้กับผู้ที่ชอบส่งข้อความเข้าหาเพจต่างๆ
จุดเด่นของ Facebook Ads แบบข้อความ
– สร้างการมีส่วนร่วมโดยตรง: การที่ลูกค้าส่งข้อความถึงธุรกิจของคุณช่วยเพิ่มโอกาสในการพูดคุยและปิดการขาย ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถวัดผลลัพธ์ของโฆษณาได้อย่างชัดเจน จากจำนวนข้อความ และยังคำนวณหาต้นทุนต่อข้อความได้อีกด้วย เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการทำโฆษณา
– เหมาะกับสินค้าที่ต้องการนำเสนอด้วยภาพหรือวิดีโอ: สินค้าหรือบริการบางอย่างเหมาะการนำเสนอบน Facebook มากกว่า Google โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นและความสวยความงาม เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือของตกแต่งบ้าน เป็นต้น
– รองรับการทำ Remarketing: จากประสบการณ์ของผู้เขียน การทำ Facebook Remarketing เสริมการทำโฆษณาหลัก ไม่ว่าจะเป็น Search Ads หรือ Facebook แบบข้อความ ช่วยเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี คุณสามารถทำ Remarketing ส่งโฆษณาติดตามคนที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์, คนที่เคยเข้าเพจ Facebook หรือคนที่เคยทักเข้ามาในกล่องข้อความ เพื่อนำเสนอสินค้าหรือโปรโมชันเพิ่มเติม
กลยุทธ์การใช้ Facebook Ads แบบข้อความ
1. ใช้ข้อความที่กระตุ้นให้ลูกค้าสนใจ หรืออาจจะใช้เงื่อนไขเวลา เช่น “โปรโมชันพิเศษวันนี้เท่านั้น! ทักแชทเพื่อรับสิทธิ์ทันที”
2. สร้างภาพหรือวิดีโอที่ดึงดูด ควรทำตัวโฆษณาที่หลากหลายทั้งภาพ และวิดีโอ เช่น การรีวิวสินค้าจากลูกค้า หรือภาพแสดงฟีเจอร์ของสินค้าที่น่าสนใจ
3. ติดตามลูกค้าโดยการใช้ Remarketing Ads เพื่อเพิ่มโอกาสปิดยอดขาย อาจจะเลือกใช้โฆษณารูปแบบข้อความ หรือ การมีส่วนร่วม ในการทำ Remarketing
3. โฆษณา Facebook Conversion
หากคุณมีเว็บไซต์สำหรับขายสินค้า ผู้เขียนแนะนำให้เลือกใช้ Facebook Conversion มากกว่า Facebook Traffic เนื่องจากการส่งโฆษณาด้วยเป้าหมายคอนเวอร์ชั่น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสั่งซื้อหรือการติดต่อเข้ามาจากลูกค้าได้มากกว่าการส่งโฆษณาที่เน้น Traffic หรือคลิกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องติดตั้งโค้ด Pixel ที่หน้าเว็บไซต์ และทำการกำหนดคอนเวอร์ชั่นที่คุณต้องการ ก่อนจะเลือกทำโฆษณา Facebook Conversion เพื่อช่วยให้ลูกค้ากดเข้าไปยังเว็บไซต์และดำเนินการที่คุณต้องการ เช่น การซื้อสินค้า หรือการเพิ่มเพื่อนผ่าน LINE
จุดเด่นของ Facebook Conversion Ads
– เพิ่มจำนวนคอนเวอร์ชั่น: ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า Conversion ที่คุณต้องการคืออะไร เช่น การให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์ม, การคลิกปุ่ม LINE หรือการสั่งซื้อสินค้า
– ติดตามผลได้ชัดเจน: คุณสามารถวัดผลได้จาก Conversion และ Conversion Rate ที่เกิดขึ้นจริง และยังสามารถคำนวณหา Cost Per Conversion เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการทำโฆษณาได้อีกด้วย
– เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเน้นการขายออนไลน์: เหตุผลเพราะการวัด Conversion จะได้ผลดีเมื่อการสั่งซื้อเกิดขึ้นบนออนไลน์ ระบบโฆษณาสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อค้นหาพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้อย่างชัดเจน เช่น ร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่มีระบบตะกร้า แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ไม่ได้เน้นขายออนไลน์ ก็อาจจะปรับใช้ Conversion เป็นการวัดผลการติดต่อเข้ามาของลูกค้า เช่น การวัดผล Conversion ที่ปุ่มโทรศัพท์ หรือ ปุ่ม LINE บนหน้าเว็บไซต์
ตัวอย่างการตั้งค่า Conversion Ads
1. เลือกเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดคลิกปุ่ม LINE หรือ ปุ่มโทร เพื่อสอบถามข้อมูล หรือการกรอกฟอร์มลงทะเบียน เป็นต้น
2. ใช้ Call-to-Action (CTA) ที่กระตุ้น เช่น คลิกเพื่อรับโปรโมชันพิเศษ, ติดต่อด่วนทางไลน์, โทรปรึกษาฟรี! เป็นต้น
3. ติดตั้ง Pixel บนเว็บไซต์เพื่อเก็บข้อมูล และทำให้ระบบโฆษณาสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการทำโฆษณา เพื่อหาได้แม่นยำมากขึ้น
ทำไมควรเลือก 3 รูปแบบโฆษณาที่ช่วยเพิ่มยอดขายนี้?
การเลือกใช้โฆษณา Search Ads, Facebook Ads แบบข้อความ และ Facebook Conversion Ads มีข้อดีที่เหมือนกัน และสำคัญมาก คือคุณสามารถ วัดผลได้ชัดเจน เช่น จำนวนคอนเวอร์ชั่นที่เกิดขึ้น และ จำนวนคนที่ส่งข้อความเข้ามาในกล่องข้อความ Facebook Messenger ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับแต่งโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคุณสามารถเห็นได้เลยว่า คีย์เวิร์ดใน Search Ads ของคุณตัวไหนทำให้เกิดคอนเวอร์ชั่น หรือ กลุ่มเป้าหมายบน Facebook Ads กลุ่มไหนที่ได้จำนวนข้อความ
นอกจากนี้ ด้วยผลลัพธ์ที่วัดได้ชัดเจน ส่งผลให้ระบบโฆษณาสามารถเรียนรู้ และค้นหากลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นโดยใช้ AI ของระบบโฆษณา จึงทำให้รูปแบบโฆษณาเหล่านี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และสร้างโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับรูปแบบโฆษณาอื่นๆ ที่เน้นการสร้างการรับรู้มากกว่าการขาย
บทสรุป: 3 รูปแบบโฆษณาที่ช่วยเพิ่มยอดขาย
การทำโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขายนั้นไม่มีวิธีใดที่ได้ผลดีที่สุดแบบตายตัว แต่ 3 รูปแบบโฆษณาที่กล่าวมา ได้แก่ Search Ads, Facebook Ads แบบข้อความ และ Facebook Conversion Ads ถือเป็นรูปแบบโฆษณาที่เน้นให้เกิดการขาย และวัดผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการทำโฆษณาก็คือ การวิเคราะห์ผลลัพธ์จากโฆษณาเหล่านี้ และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่งข้อมูลถึงเรา
ติดต่อขอข้อมูล และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจของคุณได้ฟรี!
คุยกับเราทางไลน์
ข้อมูลบริษัท
บริษัท เอส เอ็ม อี จัมพ์ จำกัด
79/355 ถ.รามคำแหง 150 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพ 10240
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0105556135494
Email: contact@smejump.com
Tel: 02-100-6872, 02-100-6873
LINE : @smejump
จันทร์ – ศุกร์ : 8:30-17:30 น.
เสาร์-อาทิตย์: ปิดทำการ